ผลสำรวจโดยสำนักงานความปลอดภัยบนถนนหลวงของสหรัฐฯ ระบุว่า อัตราการเสียชีวิตของคนเดินถนนเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2015 ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ทำการสำรวจมาตั้งแต่ปี 1975
ริชาร์ด เรตติ้ง หนึ่งในทีมสำรวจกล่าวว่า “ถือเป็นข่าวร้ายอย่างมาก และนับเป็นยุคที่มืดมนที่สุดในแง่ของความปลอดภัยของคนเดินถนน ถึงแม้หลายเมืองและหลายรัฐจะให้ความสำคัญกับการลดอุบัติเหตุ แต่เรากลับได้ผลตรงกันข้าม ตัวเลขผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มมากขึ้น”
นอกจากการเสียชีวิตของคนเดินถนนที่เพิ่มขึ้นแล้ว อัตราการเสียชีวิตจากการขับรถก็เพิ่มขึ้น 8.1% ด้วยเช่นกัน
รายงานการสำรวจระบุว่า สาเหตุสำคัญที่คนเดินถนนเสียชีวิตมากขึ้นเกิดจากการใช้รถใช้ถนนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคนอเมริกันเดินทางเป็นระยะทางถึง 3.1 ล้านล้านไมล์ในปี 2015 เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปี 2014 ผนวกรวมกับการใช้งานสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งทำให้ขาดสมาธิและเกิดอุบัติเหตุ
“โทรศัพท์มือถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่รบกวนสมาธิของทั้งผู้ขับขี่และคนเดินถนน” รายงานผลสำรวจระบุ ซึ่งตรงกับการรณรงค์ของหลายรัฐในอเมริกาที่ร้องขอให้ผู้ขับขี่และคนเดินถนนเลิกการใช้โทรศัพท์ขณะสัญจรอยู่บนท้องถนน
ขณะที่สภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น และราคาน้ำมันที่ลดลงยังทำให้ระยะการเดินทางของคนอเมริกันเพิ่มสูงขึ้น นั่นหมายความว่า การมีเงินมากขึ้นทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต
ขณะเดียวกัน ปัญหาการเมามายจากการดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังเป็นปัจจัยหลักของการเสียชีวิตของคนเดินถนน โดย 34% ของคนเดินถนนที่ถูกรถชนเสียชีวิตนั้นมีแอลกอฮอล์ในตัวสูง (เกินกว่ากฎหมายกำหนดในกรณีที่ขับรถ) ขณะที่ 49% ของอุบัติเหตุที่ทำให้คนเดินถนนเสียชีวิตนั้นเกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์
ความคิดเห็น