[Test Drive] BMW i8 ขีดสุดยนตรกรรมปลั๊กอิน ไฮบริด

ทดลองขับ BMW i8 ขีดสุดยนตรกรรมปลั๊กอิน ไฮบริด ในคราบรถสปอร์ตเปี่ยมเทคโนโลยี โดดเด่นบนท้องถนน สมรรถนะการขับเคลื่อนที่เหนือใคร

รีวิว BMW i8

เป็นเวลานานเกือบ 2 ปี หลังการเปิดตัวและถามไถ่ถึงรถทดสอบ BMW i8 คันนี้กับค่ายใบพัดฟ้าขาว ในที่สุดก็เหมือนฝันเป็นจริง เมื่อกุญแจของ BMW i8 2016 (บีเอ็มดับเบิลยู ไอ8 2016) คันนี้มาอยู่กับผมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

จริง ๆ แล้วในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เราวางแผนไว้ว่าจะไม่รับรถทดสอบคันไหน เนื่องจากต้องเดินทางไกลในวันนี้ (จันทร์ที่ 14 มีนาคม) ก็เลยไม่อยากล่กล่ก ต้องคืนรถอะไรให้วุ่นวายมากมายในวันเดินทาง แม้จะเป็นไฟล์ทดึกก็ตามที

แต่เมื่อได้รับการติดต่อจากค่ายบีเอ็มดับเบิลยูว่ารถเริ่มปล่อยให้ทดสอบตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่างานนี้ปฏิเสธไม่ได้ล่ะครับ ยังไงก็ต้องทดสอบ แถมบอกตรง ๆ ว่าลุ้นกันทุกวัน เพราะกลัวจะถูกแคนเซิลหากรถมีปัญหา

ทุกอย่างลงตัวไม่มีปัญหาอะไร เจ้ารถสปอร์ตหัวใจปลั๊กอิน ไฮบริด คันนี้ ก็ถูกส่งมอบให้เรามาทำการใช้งานในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งรถคันนี้ถือเป็นหนึ่งในรถที่ผมเองอยากขับมากที่สุด เรียกว่าตั้งแต่เปิดตัวมาเลยก็จดจดจ้องจ้องมาตลอด

แต่ด้วยโควต้าพวงมาลัยขวาที่มีค่อนข้างจำกัดในตลาดโลก ประกอบกับยอดจองที่ว่ากันว่ามากพอที่จะทำให้ค่ายไม่สามารถตัดรถทดสอบออกมาได้ในช่วงแรก ทำให้ต้องรอกันยาวหน่อย กว่าเจ้าของค่าตัว 11.9 ล้านบาทคันนี้จะได้ปล่อยมาทำการทดสอบ

ใครรอดูเวอร์ชั่นวีดีโอทดสอบรอกันอีกสักพักนะครับ เพราะถ่ายกันไปเป็นที่เรียบร้อย แต่รถคันนี้จะดีงามขนาดไหน ทำให้เราไม่อยากคืนกุญแจให้กับบีเอ็มดับเบิลยูหรือเปล่า มาติดตามอ่านกันได้เลย...

BMW i8 ภายนอกสุดเฉียบ แค่หน้าตาก็คุ้มค่าตัว

คงไม่เป็นการพูดที่เกินจริงแต่อย่างใด ถ้าบอกว่าค่าตัว 11.9 ล้านบาทของรถ BMW i8 คันนี้นั้น คุ้มค่ากันตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกของรถที่ออกแบบมาอย่างสปอร์ตเต็มพิกัดในแบบที่รถสปอร์ตทั่วไปพึงจะมีกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องควักกระเป๋าระดับ 20 ล้านอัพ

ตัวรถทรงสปอร์ตที่เตี้ยกว่ารถทั่วไป ประตูเปิดแบบปีกผีเสื้อที่ไม่ได้กินเนื้อที่ในการใช้งานเหมือนอย่างที่คาด การออกแบบตัวถังที่เน้นเรื่องของทางเดินลมเพื่อให้ได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ดีที่สุด ทำให้เราเห็นการออกแบบตัวถังที่โดดเด่น โดยเฉพาะด้านหลัง

โครงสร้างตัวถังทั้งหมดใช้เทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์เสริมแรงเพื่อให้ได้วัสดุที่มีคุณภาพสูงและน้ำหนักเบา โดยโครงสร้างมีน้ำหนักเบากว่าเหล็ก 50% และเบากว่าอลูมิเนียม 30% แต่ให้ความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน

การออกแบบรถให้มีความเตี้ยลงและกว้างออกไปจากรถปกติ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูต้องปรับสัดส่วนของการออกแบบในส่วนของโคมไฟหน้า กระจังหน้ารูปจมูกหมู รวมถึงเส้นสายรอบตัวรถ แต่ก็ยังรักษาดีเอ็นเอของค่ายเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นน่าชื่นชม

แม้ขนาดของรถ BMW i8 จะถูกกดให้เตี้ย แต่เมื่อนำมาใช้งานจริงก็จะพบว่าเรื่องของการขึ้นลงเนินหรือข้ามสิ่งกีดขวางนั้น เป็นปัญหาน้อยกว่าที่คิดและน้อยกว่ารถในแนวเดียวกันหลาย ๆ คันที่นำมาทดสอบมาก แต่ก็ต้องระวังล่ะนะ ของเขาแพง

ไฟท้ายรูปตัวซีด้านหลังรถคือความดีงามของการออกแบบภายนอก ด้วยการซ่อนไฟเลี้ยวไว้ที่คิ้วด้านบนแบบสวยเฉียบ ไฟถอยที่ส่องสว่างชัดเจนแม้จะเล็กกว่าปกติ ล้อขนาดใหญ่ดูสวยงาม แต่ที่วางของด้านหลังที่เป็นกระจกใส น่าจะมีอะไรปิดมาหน่อยนึง

เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด แรงและประหยัดจนต้องร้องว๊าว

เอาล่ะ เราจะไม่พูดถึงตัวเลขการประหยัดที่บีเอ็มดับเบิลยูเคลมเอาไว้ในโหมดของการขับขี่เพื่อทดสอบอัตราการประหยัดน้ำมัน แต่เราอยากเล่าให้ฟังมากกว่าว่าอะไรที่ทำให้เราร้องว๊าวด้วยความตกใจกับสมรรถนะของรถคันนี้

แต่ก็ต้องรู้กันก่อนนะว่า BMW i8 มาพร้อมกับเทคโนโลนี บีเอ็มดับเบิลยู อีไดร์ฟ และเป็นรถยนต์แบบปลั๊กอิน ไฮบริดที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบที่มาพร้อมเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ทำงานผสานกันกับระบบไฟฟ้า โดยแต่ละโหมดนั้นถือว่าให้สมรรถนะที่โดดเด่นไม่แพ้กัน

หากวิ่งที่โหมดไฟฟ้า รถยนต์คันนี้จะให้กำลัง 131 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

และวิ่งได้ 37 กิโลเมตรต่อการชาร์ต 1 ครั้ง ขณะที่โหมดการทำงานร่วมกันนั้น จะให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น เราทำบนท้องถนนได้ที่ราว ๆ 5 วินาที มากกว่าที่ระบุไว้เล็กน้อย ขณะที่ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ราว ๆ 3 วินาที ท๊อปสปีดที่บอกว่าทำได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น แม้จะมั่นใจว่ารถไปถึงแน่นอน แต่ก็ไม่ควรทดลองบนท้องถนนเมืองไทยที่ทั้งขรุขระและโค้งเยอะเหลือเกิน

สิ่งที่น่าสนใจก็คือการปล่อยไอเสียในโหมดไฟฟ้าที่เป็นรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษอย่างแท้จริง ขณะที่การขับขี่ทั่วไปจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำมากเพียง 49 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น และที่น่าสนใจกว่าก็คืออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่เราถือว่ามันดีมาก เมื่อเทียบกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมบนท้องถนนของ BMW i8 คันนี้

การตอบสนองของรถนั้นเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม เรียกว่ากดเร่งเครื่องจังหวะไหน ที่ความเร็วเท่าไร เครื่องยนต์ก็ให้การตอบสนองแบบไม่มีอิดออด เรียกว่าจะเค้นยังไงเครื่องก็ยังเหลือกำลังให้เราใช้งาน เมื่อวิ่งไป 400 กิโลเมตร น้ำมันในถังลดลงเหลือน้อยกว่า 25% เพื่อให้เติมได้ตามที่กำหนดเอาไว้ เราก็เลี้ยวรถเข้าปั้ม

สั่งเด็กปั้มเติม 1,000 บาท เพราะคิดว่ายังไงรถคันนี้ก็คงต้องเติมได้นั่นล่ะ แต่ก็ผิดคาดมาก เพราะเติมน้ำมันไปได้แค่ไม่ถึง 800 บาท ก็ตัดเสียแล้ว คำนวนออกมาคร่าว ๆ การตอบสนองที่ดุเดือดของรถสิ้นเปลืองน้ำมันไปเฉี่ยว ๆ 11 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้นเอง ร้องเฮ้ยยยยยอยู่ในใจ นี่เราขับรถสปอร์ตอยู่จริงหรือเปล่านี่

เอาเป็นว่าเราประทับใจกับสมรรถนะของรถคันนี้ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเรื่องของการขับขี่ การตอบสนองในทุกย่านความเร็ว ไปจนถึงเรื่องอัตราประหยัดที่เรียกว่าน่าประทับใจมาก เพราะปกติเราขับรถธรรมดาทั่ว ๆ ไป ก็ได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณนี้ล่ะ เราไม่ใช่สายขับประหยัดอยู่แล้ว

ภายในที่อุปกรณ์ครบครัน แต่คับที่อยู่ได้

มีคนถามแบบเร็ว ๆ ว่าภายในรถคันนี้เป็นไง เรามักจะตอบว่ารถคันนี้ 'คับที่อยู่ได้ แถมของเล่นเพียบ' แน่นอนล่ะนะว่าเมื่อเลือกที่จะซื้อรถสปอร์ต จะมาบ่นเรื่องความคับแคบของห้องโดยสารก็คงไม่ใช่ใช่มะ เพราะรถพวกนี้ออกแบบมาให้แคบ เข้าออกยาก และไม่ได้เน้นที่ความหรูหราเต็มพิกัดอยู่แล้ว

แต่ถามว่าเมื่อแลกกับสิ่งที่รถคันนี้ให้มา ประตูแบบเปิดขึ้นที่เพิ่มพื้นที่ในการเข้า-ออกจากห้องโดยสาร แต่แน่ล่ะว่าต้องเรียนรู้กับมันนิดนึงว่าควรจะเข้า-ออกด้วยท่าทางแบบไหนเพื่อให้ลุกนั่งได้อย่างสบายและไม่น่าเกลียด ใครที่ซื้อรถไปแล้วรู้สึกว่าเข้าออกยากจัง ส่งข้อความมาถามเราได้นะว่าควรเข้ารถท่าไหน

ในห้องโดยสาร BMW i8 นั้นมาพร้อมเบาะที่นั่งแบบรัดตัวแต่ดูเล็กไปเล็กน้อยเมื่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารตัวใหญ่ พื้นที่ด้านหลังนั้นไม่เหมาะกับการนั่งหากคุณสูงกว่า 170 เซนติเมตรหรือต้องการพื้นที่วางขาขนาดใหญ่ แต่เอาจริง ๆ มันก็นั่งสบายกว่ารถสปอร์ตค่ายญี่ปุ่นอยู่เอาเรื่องนะ

ฟังชั่นส์การใช้งานพื้นฐานรุ่นใหม่ล่าสุดของบีเอ็มดับเบิลยูถูกนำมาติดตั้งแบบมินิมอลลิสต์ ไอไดร์ฟที่มาพร้อมทัชแพดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยที่ถ้าไม่บอกว่าเขียนได้ก็คงไม่รู้ เฮดอัพดิสเพลย์ส่องสว่างและอยู่ในมุมที่ดีมาก กล้องส่องภาพรอบรถแบบอัตโนมัติก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจ

ตำแหน่งการนั่งนั้นให้ระยะที่เหมาะสมกับการขับขี่ เข็มขัดนิรภัยสายสีฟ้าสดใส ปรับไฟในห้องโดยสารเป็นสีฟ้าไปด้วยจะเข้ากันมาก ตัวรถ BMW i8 ที่ค่อนข้างยาวทำให้ต้องกะระยะเพิ่มขึ้นอีกหน่อยในการขับขี่ โดยรวม ๆ แล้ว ทัศนวิสัยไม่ใช่ปัญหาในการขับขี่รถคันนี้ เพียงแต่ต้องระมัดระวังมากขึ้น

สรุปรวมความแล้ว เราว่ามันเป็นห้องโดยสารที่ดูไม่ค่อยสปอร์ตเหมือนอย่างที่คาด แต่ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายในการยืดแข้งยืดขา ตำแหน่งการวางอุปกรณ์ปรับไปจากบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่นเยอะเหมือนกัน ขณะที่จอดิสเพลย์เป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด อ่อ วิทยุไม่มีซีดีแล้วนะ

ถ้ามีปัญญาซื้อ บอกเลยว่าจะขับทุกวัน

ใครบอกว่ารถสปอร์ตไม่เหมาะที่จะใช้งานในชีวิตประจำวัน อยากให้มาลองขับเจ้าบีเอ็มดับเบิลยู ไอ8 คันนี้ดูกันสักรอบ เพราะเราก็ใช้งานแบบเต็มพิกัดบนท้องถนนกทม.มีออกตจว.บ้างเล็ก ๆ ก็ยังไม่พบว่ามันไม่เหมาะกับการใช้งานแต่อย่างใด นอกจากจะต้องอับอายกับสายตาที่มองมามากสักหน่อย

ความดีงามของรถ BMW i8 นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของการตอบสนองของเครื่องยนต์อันยอดเยี่ยม แต่มันยังรวมไปถึงช่วงล่างที่โดดเด่น ตอบสนองการใช้งานได้อย่างหลากหลายและคล่องตัว ไอ้เรื่องการสะเทือนไปหน่อยนั้นเป็นเรื่องปกติของรถที่เตี้ยมาก ๆ อยู่แล้ว แต่เรื่องของความปลอดภัยนั้นมีมาให้อย่างเต็มเปี่ยม

จริง ๆ แล้วเราค่อนข้างชื่นชอบที่บีเอ็มดับเบิลยูคิดในรายละเอียดทั้งหมดของรถมาให้ เช่น ระบบที่ห้ามดึงที่ชาร์จออก หากไม่ปลดล็อกรถก่อน หรือ การห้ามเติมน้ำมันก่อนน้ำมันในถังลดเหลือน้อยกว่า 25% แต่ก็ยังมีระบบปลดล็อกฉุกเฉินติดตั้งมาให้ด้วยในรถ เป็นต้น

ถ้าถามว่ามีอะไรที่ไม่ชอบไหมในรถ BMW i8 คันนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องของเสียงซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงมอเตอร์เครื่องยนต์ที่ดูดังโหยหวนไปนิด หรือแม้แต่เสียงของเครื่องยนต์หลอก ๆ ที่ดูพยายามใส่เข้ามาในรถมากไปหน่อยจนมันฟังดูไม่เนียนเสียเท่าใด คนที่อยากได้อรรถรสแบบรถสปอร์ตคงชอบล่ะมั้ง

แต่หากมองในสิ่งที่รถคันนี้ให้มาแบบเต็มพิกัดแล้ว บอกเลยว่าใครที่อยากได้รถที่ดูโดดเด่นบนท้องถนน ให้สมรรถนะการขับเคลื่อนที่เหนือใคร อัตราการประหยัดน้ำมันที่อยู่ในระดับคือดี อย่าลืมพิจารณารถคันนี้เป็นอันขาด เพราะนี่คือของจริงคันหนึ่งบนท้องถนนวันนี้

ขับแล้วไม่อยากคืนมันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้ามีปัญญาซื้อในอนาคตนี่ ขับทุกวันแน่นอนไม่มีจอด นี่พูดเลย!!!