[Test Drive] New Suzuki Ertiga ความสะดวกสบายทุกที่นั่ง ที่มาพร้อมความหล่อเหลาที่มากขึ้น

ทดสอบการขับขี่ นิว ซูซูกิ เออร์ติการ์ (New Suzuki Ertiga) รถยนต์ 3 แถว 7 นั่ง MPV รุ่นปรับโฉมใหม่ครั้งใหญ่ ที่ต้องบอกว่าหน้าตาโฉบเฉี่ยวสวยงามมากยิ่งขึ้น และมาพร้อมความสะดวกสบายทุกที่นั่งการเดินทาง

หากพูดถึงรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับตลาดภายในประเทศไทย ที่มีอัตราการโตกว่าเซกเมนต์อื่น ๆ เนื่องด้วยจากไลฟสไตล์ของการชีวิตที่เปลี่ยนไปสำหรับคนรุ่นใหม่ รถยนต์ประเภท 3 แถว 7 ที่นั่ง ก็เป็นอีกรุ่นที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นครอบครัว ซึ่งในประเทศไทยก็มีให้เลือกหลากหลายแบบหลากหลายแบรนด์

และอีกหนึ่งตัวเลือกที่ต้องพูดถึงก็คงจะเป็น ซูซูกิ เออร์ติการ์ รถยนต์ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่ต้องบอกว่ามีจุดเด่นหลายอย่างทั้งในส่วนของพื้นที่โดยสารแถว 3 ที่ค่อนข้างกว้างและนั่งได้สบายได้ดีในระดับที่น่าประทับใจ สมรรถนะการขับขี่ที่ไว้ใจได้ ซึ่งน่าจะถูกอกถูกใจครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะหรือไปไหนมาไหนกันหลายคน

โดยวันนี้ ทาง ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดการทดสอบรถยนต์ นิว เออร์ติการ์ รุ่นใหม่ หรือรุ่นไมเนอร์เชนจ์ บนระยะทางระหว่างจังหวัด พิษณุโลก-สุโขทัย-อุตรดิตถ์ เพื่อทดสอบสมรรถนะเคริ่องยนต์ การขับขี่ และความสะดวกสบายในการโดยสาร ด้วยระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ที่พอจะทำให้ผมได้ทดสอบสมรรนะตัวรถยนต์ได้ค่อนข้างครบทั้งการขับขี่และการโดยสาร

มาเริ่มกันดีกว่า สำหรับ นิว ซูซูกิ เออร์ติการ์ มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องรูปลักษณ์โดยทั้ง 2 รุ่นย่อย ทั้งรุ่น GL และรุ่น DERZA จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง ทั้งภายในและภายนอก แต่ที่เห็นจะเด่นที่สุดคงจะเป็นรูปลักษณ์หน้าตา

สำหรับรุ่น GL หรือรุ่นเริ่มต้นจะเป็นการดีไซน์ที่เน้นความเรียบ ๆ แต่สวยงาม พร้อมทั้งออพชั่นที่ค่อนข้างมีมาให้เกือบจะครบทั้งระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รถยนต์ควรจะมีมาให้

ทั้งระบบปรับอากาศแถวหน้าและแถวหลัง ช่องจ่ายไฟแถวหน้าและแถวหลัง ล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว ถุงลมนิรภัยแบบ เอสอาร์เอส คู่หน้า และสัญญาณเตือนขณะถอยหลังแบบติดตั้งมาจากโรงงาน

และสำหรับรุ่น DERZA หรือรุ่นท็อปจะมีความแตกต่างโดยสิ้นเชิงโดยเด่น ๆ คือรูปลักษณ์ภายนอกที่มีการดีไซน์ใหม่โดยจะเน้นความโดดเด่นในส่วนของกระจังหน้าที่มาพร้อมช่องดักลมด้านหน้าขนาดใหญ่ มองไกล ๆ จะคล้าย ๆ หน้าคนยิ้มให้

ล้อแม็กซ์มาพร้อมลวดลายใหม่ขนาดที่ค่อนข้างสะดุดตา กับล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ขนาด 15 นิ้วที่มีการตัดดำ ออกแนวล้ำอนาคตอยู่เหมือนกันในส่วนของความสวยงามอันนี้ก็ล้วนแล้วแต่คนมอง

ในส่วนของท้ายรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น มีการดีไซน์ใหม่ทั้งชุดโคมไฟท้ายและการตกแต่งเพิ่มเติมประตูท้ายด้วยวัสดุโครเมี่ยมพร้อมชื่อรุ่น ERTIGA ในส่วนของรุ่นท็อปหรือรุ่น DREZA จะมีการตกแต่งเพิ่มเติมในส่วนของสปอย์เลอร์หลังขนาดใหญ่พร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 เพิ่มเติมความสวยงาม

ด้านเครื่องยนต์ นิว ซูซูกิ เออร์ติการ์ ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.4 ลิตร ที่มาพร้อมแรงม้าสูงสุดที่ 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 130 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมส่งกำลังต่อด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด

หากพูดตามตรงเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ก็เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือไปในต่างจังหวัดหรือเดินทางไกล ก็ไม่มีปัญหาเท่าไรนัก แต่สำหรับขาซิ่งทั้งหลายที่อาจจะยังไม่ถูกใจเท่าที่ควร

จากการทดสอบอัตราเร่งในช่วงต้นทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว แต่เมื่อความเร็วขึ้นมาระดับ 80 จนถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พละกำลังอาจจะมาช้าไปบ้าง อาจจะเป็นด้วยหลาย ๆ ปัจจัยเช่น อัตราการทดเกียร์ที่อาจจะถูกเซ็ตมาเพื่อการขับขี่ในเมือง และไม่ต้องการเค้นกำลังอะไรมากมายนัก

ในส่วนของภายใน แผงคอนโซลยังคงไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางปุ่มหรือฟังก์ชั่นการใข้งานใด ๆ แต่มีการตกแต่งเพิ่มเติมความหรูหราเช่น ลายไม้เสริมบริเวณแผงคอนโซล และแผงประตู

จุดเด่น ๆ ที่ค่อนข้างประทับใจสำหรับภายในของ นิว เออร์ติการ์ คงจะเป็นฟังก์ชั่นการพับเบาะและการปรับระยะเลื่อน หน้า-หลัง ของเบาะแถว 2 ที่มีระยะการปรับได้ค่อนข้างยาว อีกทั้งยังสามารถเอนได้แทบที่จะนอนได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งดีที่เบาะสามารถปรับได้หลากหลายและมีระยะการปรับที่กว้าง

และจุดเด่นอีกประการคือ เบาะแถว 3 ที่การโดยสารค่อนข้างสบายทั้งพื้นที่การวางขา พื้นที่ว่างบริเวณหัว เรียกได้ว่าเดินทางไกล ๆ ก็ไม่ค่อยเหนื่อยล้าเท่าที่ควร อีกทั้งยังมีแอร์บริเวณตอน 2 ที่เรียกได้ว่าทั่วถึงยันแถว 3 เลยทีเดียว ซึ่งต้องยอมรับว่า ซูซูกิ ทำตรงนี้ดีจริง ๆ

โดยตอนแรกผมก็คิดว่าเบาะนั่งแถว 3 อาจจะนั่งแค่ลูกเด็กเล็กแดง หรือคนตัวเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ความคิดนั้นก็เปลี่ยนทันทีเมื่อได้ลองนั่งด้วยตัวเอง แต่ก็มีข้อตินิดหน่อย คือเมื่อใช้งานเบาะแถว 3 ช่องว่างด้านหลังระหว่างเบาะ ถึงประตูท้าย จะเหลือพื้นที่ให้ได้วางสัมภาระเพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นกระเป๋าก็เป็นกระเป๋าใบเล็ก ๆ เท่านั้น

รวม ๆ แล้ว นิว ซูซูกิ เออร์ติการ์ เป็นรถยนต์ 3 แถว 7 ที่นั่ง หรือรถยนต์ครอบครัวที่ค่อนข้างตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เพราะทั้งเรื่อง สมรรถนะการขับขี่อัตราเร่งจจากเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร ก็อยู่ในระดับที่ไว้ใจได้แม้ในช่วงความเร็วช่วง 80-120 จะค่อนข้างมาช้าไปนิดแต่สำหรับคนที่ขับไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไรก็น่าจะไม่มีปัญหา

การเก็บเสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาในห้องโดยสารทำได้ค่อนข้างดีมาก ระบบช่วงล่างจะมีความเฟิร์มมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า การเข้าโค้งไว้ใจได้แม้จะเข้าด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ด้วยรูปทรงรถยนต์ที่ค่อนข้างสูง ก็ไม่ได้ทำให้หวิว ๆ หรืออย่างไรในการเข้าโค้ง พวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักกำลังพอดีมือทั้งความเร็วต่ำและความเร็วสูง ซึ่งโดยรวมสมรรถนะการขับขี่ถือว่า ซูซูกิ ทำได้ค่อนข้างดี

จุดเด่นอีกประการคือ ความสะดวกสบายในการใช้งานที่ให้มาค่อนข้างครบ ทั้งช่องจ่ายไฟขนาด V12 ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง แอร์แถวหลัง ที่เย็นทั่วถึงทั้งคัน เบาะแถว 2 ที่มีระยะการปรับทั้ง หน้า-หลัง และระดับการเอนที่ได้ค่อนข้างกว้างมาก รวมไปถึง ความกว้างขวางของเบาะแถว 3 ที่ต้องยอมรับว่าจุดนี้ดีจริง ๆ

และสำหรับข้อที่น่าจะปรับเปลี่ยนก็คือ สีทูโทนบริเวณคอนโซล อยากให้มีการใช้สีที่เข้มตัดกันกว่านี้อีกนิดเพราะสีโดยรวมเมื่อออกแดดกลางแจ้งออกแนวโทนอ่อนมากไปซึ่งอาจจะทำให้ดู ไม่ค่อยสวยงามเท่าไรนัก และออพชั่น เบรค เอบีเอส และ ระบบกระจายแรงเบรค อีบีดี น่าจะมีมาให้ทั้ง 2 รุ่น ซึ่งรุ่นเริ่มจะยังไม่มีในส่วนนี้

โดย นิว ซูซูกิ เออร์ติการ์ จีแอล (Suzuki Ertiga GL) หรือรุ่นเริ่มต้น ราคาจะอยู่ที่ 6.55 แสนบาท ซึ่งถามว่ารุ่นนี้เพียงพอต่อการใช้งานมั้ย ก็ต้องตอบว่าเพียงพอหากไม่ต้องการความโดดเด่นของหน้าตาหรือ การตกแต่งภายในเท่าไหร่ แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่รุ่นนี้ไม่ได้ถูกใส่ระบบเบรค เอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรคหรือ อีบีดี มาให้

และสำหรับตัวท็อปหรือ รุ่น เดซาร์ (DREZA) ราคาจะอยู่ที่ 7.15 แสนบาท ซึ่งจะมาพร้อมออพชั่นแบบจัดเต็ม ภายนอกมีการตกแต่งแบบสปอร์ต ภายในเพิ่มเติมคความหรูหราทั้ง ลายไม้ มือจับแบบโครเมี่ยม สีเบาะแบบทูโทน ซึ่งใครอยากได้แบบครบ ๆๆ จบเลยทีเดียวไม่ต้องแต่งเติมอะไรรุ่นท็อปหรือรุ่น DREZA น่าจะจบ

สำหรับ ซูซูกิ เออร์ติการ์ ก็เป็นรถยนต์ครอบครัวแบบเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่น่าสนใจอีกรุ่น ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่โอเคไว้ใจได้ รูปลักษณ์ที่จัดว่าก็ไม่ขี้เหร่ ซึงผมอยากได้คุณผู้อ่านที่กำลังสนใจได้ทดสอบด้วยตนเองดูไม่แน่ คุณอาจจะหลงรัก เจ้า เออร์ติการ์ นี้ก็เป็นได้