ออดี้ประกาศปรับโฉมรถคอมแพกต์รุ่นเล็กอย่างเอ3 และเอส3 เน้นเพิ่มเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมออกทำตลาดจริงในยุโรปทันที
รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งแผงกันชนหน้าและกระจัง มาพร้อมกรอบไฟซีนอนดีไซน์ใหม่ ขณะที่แผงดิฟฟิวเซอร์หลังและกรอบไฟท้ายก็ได้รับการปรับเปลี่ยนด้วย ลูกค้าสามารถเลือกอ็อปชั่นไฟหน้า matrix LED และมีสีตัวถังให้เลือกเพิ่มเติม
ภายในห้องโดยสารยังคงสไตล์เดิม เพิ่มเติมคืพวงมาลัยสามก้านวงใหม่ และการอัพเกรดระบบอินโฟเทนเมนท์ MMI ซึ่งรองรับการสั่งงานด้วยเสียง และมีฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้ง่ายดายมากขึ้น ระบบ Audi Virtual Cockpit เป็นอ็อปชั่นเสริมซึ่งมีหน้าจอ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลการทำงานของตัวรถ
เอ3 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ขณะการจราจรติดขัด โดยจะขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติที่ความเร็วไม่เกิน 64 กม./ชม.
ใต้ฝากระโปรงบรรจุเครื่องยนต์หลากหลายรุ่น ได้แก่
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร พละกำลัง 115 แรงม้า แรงบิด 147 ฟุตปอนด์
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.4 ลิตร พละกำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 184 ฟุตปอนด์
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พละกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 236 ฟุตปอนด์
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 1.6 ลิตร พละกำลัง 110 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร พละกำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 250 ฟุตปอนด์ และ 184 แรงม้า แรงบิด 280 ฟุตปอนด์
ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้รุ่นเอ3 สปอร์ตแบ็ก อี-ทรอน หัวใจปลั๊กอินไฮบริดที่ประกบเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 8.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีพละกำลังรวมสูงสุดที่ 204 แรงม้า สำหรับคนที่มองหาแก๊สธรรมชาติก็สามารถเลือกรุ่นเอ3 สปอร์ตแบ็ก จี-ทรอน ที่ใช้ระบบไบฟิว เครื่องยนต์ 1.4 ลิตรและแก๊สซีเอ็นจี พละกำลัง 110 แรงม้า
รุ่นท็อปไลน์ เอส3 ได้รับการยกระดับเครื่องยนต์ TSFI ขนาด 2.0 ลิตรใหม่ รีดพละกำลัง 310 แรงม้า แรงบิด 295 ฟุตปอนด์
ออดี้ เอ3 และเอส3 จะได้รับการออกจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้ กำหนดส่งมอบคันแรกในช่วงครึ่งหลังของปี ราคาค่าตัวเริ่มต้นในเยอรมนีที่ 23,300 ยูโร
ความคิดเห็น