Subaru New Forester อเนกประสงค์ขาลุยรุ่นใหม่ ราคาเร้าใจกว่าเดิม

รีวิวการทดสอบขับขี่รถยนต์เอสยูวีขาลุยตัวพ่อรุ่นใหม่อย่าง ซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ (Subaru New Forester) หรือรุ่นไมเนอเชนจ์ที่มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งรูปลักษณ์สมรรถนะการขับขี่ พร้อมราคาเปิดตัวที่เร้าใจกว่าเก่า

กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะครับกับบทความทดสอบการขับขี่รถยนต์จากทางออโต้สปินน์ ซึ่งครั้งนี้เป็นรถยนต์ประเภทเอสยูวีขาลุย ซึ่งหากใครได้ขับคงจะติดใจสมรรถนะกันแบบงอมแงมเลยทีเดียว

สำหรับ ซูบารุ นิว ฟอร์เรสเตอร์ (Subaru New Forester) ทางทีมงานได้ทดสอบการขับขี่ในรูปแบบทริปไปก่อนหน้านี้แล้ว ติดตามได้ที่นี่ และในครั้งนี้เป็นการทดสอบแบบเดี่ยวๆ ทั้งการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในชีวิตประจำวัน

โดยปรกติแล้ว รถยนต์จากค่าย ดาวลูกไก่ หรือ ซูบารุ จะเป็นรถยนต์ที่นิยมในกลุ่มที่ชื่นชอบการขับขี่ที่สนุกสนาน สมรรถนะการขับขี่ที่โดนใจบวกกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา และเครื่องยนต์แบบสูบนอน หรือบ๊อกเซอร์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้

สำหรับ นิว ฟอร์เรสเตอร์ คันนี้ ก็เป็นอีกคันที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ในการใช้งานสักคัน ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่สวยงามขึ้น สมรรถนะการขับขี่ที่เยี่ยม บวกกับราคาเปิดตัวใหม่ที่เอื้อมถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

รูปลักษณ์ภายนอกตกแต่งใหม่ สวยงามหรูหราขึ้น

ซูบารุ นิว ฟอร์เรสเตอร์ ถูกปรับปรุงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ทั้งชุดโคมไฟหน้าแบบใหม่ที่มาพร้อมเส้นเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ (LED Daytime Running Light) ที่ลากยาวตั้งแต่บริเวณด้านบนครอบคลุมไปจนถึงด้านล่างภายในโคม เพิ่มเติมความหรูหราสวยงาม

รวมไปถึงชุดแผง เดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ร่มดำที่ลากยาวตั้งแต่บริเวณใต้โคมไฟหน้าจนไปถึงกรอบไฟตัดหมอกด้านล่างอีกจำนวน 4 จุด สร้างความแปลกให้ให้กับรถยนต์อีกด้วย

พร้อมกันชนหน้าออกแบบใหม่ที่เน้นนการใช้สีดำด้านตัดกับสีตัวถังรถทำให้ โดยรวมดูสปอร์ตดุดันมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ทางด้านโครงสร้างรถยนต์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังคงมาพร้อมรูปทรงที่มีเหลี่ยมสันตามสไตล์รถขาลุยพร้อมครอบครัวอย่างแท้จริง

โดยส่วนตัว นิว ฟอร์เรสเตอร์ ถือเป็นการปรับปรุงที่ดีขึ้นจากรุ่นเก่า ทั้งการออกแบบกันชนหน้าใหม่ที่สปอร์ตดุดันยิ่งขึ้นจากการตัดสีดำบริเวณใต้กระจังหน้า บวกกับ การใช้ชุดโคมไฟหน้าที่มาพร้อมเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ทั้ง 2 แบบ ทำให้ดูสปอร์ตสวยงาม ดุดันมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน

ภายในสะดวกสบาย ทัศนะวิสัยเยี่ยม

หลังจากเปิดประตูเจ้า ฟอร์เรสเตอร์ มาก็พบกับแผงแดชบอร์ดที่ให้ความรู้สึกบึกบึน เรียบง่าย ไม่มีปุ่มอะไรมากมายให้ต้องงงกัน แต่ก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน แผงแดชบอร์ดแบบนี้คงจะคุ้นเคยสำหรับแฟนๆ ซูบารุ เพราะมีการออกแบบที่ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน จะมีความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เฉพาะรุ่นเท่านั้น

ซึ่ง นิว ฟอร์เรสเตอร์ มีการตกแต่งภายในที่ค่อนข้างสวยงามด้วย วัสดุพลาสสติกสีดำเงาบริเวณคอนโซลกลาง และตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินทั้งกรอบช่องแอร์ ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ 3 ปุ่มใหญ่ เส้นสายบนคอนโซล รวมไปถึงพวงมาลัย ซึ่งค่อนข้างลงตัวให้ความหรูหราบึกบึน

ทางด้านทัศนะวิสัยจากตำแหน่งการนั่งถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ให้ความโปร่งโล่งไม่อึดอัดตาตามสไตล์รถยนต์ประเภทเอสยูวี เบาะนั่งหนังที่ค่อนข้างโอบกระชับสรีระกว่ารถยนต์ประเภทเดียวกันจากค่ายอื่น

ซึ่งตรงนี้ล้วนแล้วแต่คนชอบมากกว่าว่าชอบเบาะที่ค่อนข้างกระชับ ไม่นุ่มจนเกินไป ซึ่งหากเป็นขาลุยที่ได้มีโอกาสขับเจ้า นิว ฟอร์เรสเตอร์ ลุยแบบทางออฟโรด น่าจะชื่นชอบความกระชับและความแข็งของเนื้อเบาะแบบนี้แน่นอน แต่สำหรับการขับขี่แบบปรกติก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดยังให้ความนุ่มสบายเช่นกัน

เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ไร้ระบบอัดอากาศ 150 ม้า ตอบสนองดี เรี่ยวแรงไว้ใจได้

นิว ฟอร์เรสเตอร์ มาพร้อมเครื่องยนต์สูบนอนหรือที่เรียกกันว่าเครื่องยนต์แบบ บ๊อกเซอร์ (Boxer) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เด็ดของค่ายนี้ ขนาด 2.0 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศสำหรับรุ่นนี้ (สำหรับรุ่นท็อปจะมาพร้อมเทอร์โบ) สามารถรีดกำลังแรงม้าสูงสุดได้ที่ 150 แรงม้า พร้อมแรงบิด 198 นิวตันเมตร

การตอบสนองค่อนข้างดี จังหวะเร่งแซงสามารถไว้ใจได้ดีทีเดียว แม้ด้วยขนาดรถยนต์ที่ค่อนข้างใหญ่ บวกกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ก็ไม่มีอาการอืดอาดให้เห็น

มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบพิเศษขของค่ายที่ใช้สายพานแบบโซ่ แทนการใข้สายพานแบบยางตามปรกติ ทำให้สามารถสามารถชิฟเกียร์เองได้ถึง 6 สปีด การตอบสนองการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่น ไม่มีการกระตุกแต่อย่างใด

ทุกครั้งที่มีการเร่งแซงเมื่อเครื่องยนต์ทำรอบมามากกว่า 3 พันรอบ แม้ นิว ฟอร์เรสเตอร์ จะเป้นรถยนต์นั่งโดยสารอเนกประสงค์แบบปรกติ แต่เสียงความไพเราะจากเครื่องยนต์แบบ บ๊อกเซอร์ ก็มีเล็ดรอดเข้ามาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจคนขับเหมือนกัน ซึ่งหากใครเป็นแฟนๆ ซูบารุ หรือเครื่องยนต์ บ๊อกเซอร์ คงจะรู้กันดี

สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม พร้อมโหมดการขับขี่แบบ X-Mode มั่นใจทุกพื้นผิว

สมรรถนะช่วงล่างของ นิว ฟอร์เรสเตอร์ ถูกปรับปรุงมาใหม่ ซึ่งทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้นทั้งแบบ การขับขี่ในเมือประจำวัน หรือจะลุยในพื้นที่แบบออฟโรด ก็สบายๆ

การขับขี่แบบ X-Mode (ปุ่มสีเงินอยู่เหนือคันเกียร์) ที่เป็นโหมดการขับขี่สำหรับลุยในทางวิบาก หรือแบบออฟโรด ที่จะช่วยรักษาความเร็วรถยนต์ให้คงที่ทั้งสี่ล้อ ช่วยเหลือทั้งการขับขึ่นที่ลาดชัน หรือช่วยชะลอความเร็วระหว่างลงทางลาดเช่นกัน

ด้วยระบบช่วงล่างและระบบการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ตลอดเวลาของ ฟอร์เรสเตอร์ ทำให้การขับขี่ทั้งแบบ ออนโรด และออฟโรด ค่อนข้างสนุกสนานไว้ใจได้ ประสิทธิภาพการควบคุมรถยนต์ที่สั่งได้

การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การเกาะถนน การเปลี่ยนเลน สั่งได้ดั่งใจตัวรถยนต์ไม่มีอาการปัดหรือหลุดโค้งแต่อย่างใด ซึ่งถือว่าโดนใจสำหรับผู้ที่ชอบขับรถยนต์ได้อย่างดีที่ดี

และทีเด็ดของ นิว ฟอร์เรสเตอร์ คือระบบการล็อครถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ซึ่งจะเป็นการใช้งานรหัสการปลดล็อคตามที่เจ้าของรถยนต์ตั้งเอาไว้เอง (จังหวะการกดปลดล็อคเราสามารถเซ็ตเองได้) โดยปุ่มการปลดล็อคจะถูกซ่อนบริเวณฝากระโปร่งหลัง (ปุ่มเล็กๆ)

โดยเมื่อเราเซ็ตการใช้งานระบบนี้แล้ว กุญแจรถยนต์จะไม่สามารถทำการปลดล็อครถหรือสตาทรถได้ทั้งสิ้น ทำให้เราไม่ต้องกังวลเวลาลุยแบบออฟโรด หรือไปทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการหายของกุญแจ เราสามารถทิ้งกุญแจไว้ในรถ ล็อครถ แล้วไปลุยได้เลย

รวมๆ แล้ว นิว ฟอร์เรสเตอร์ ถือเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่นน่าจะโดนใจชาวไทยมากยิ่งขึ้น สมรรถนะการขับขี่ที่ใครได้ลองต้องบอกเลยว่าแทบจะติดใจกันทุกคน ทั้งด้านขุมพลังและระบบช่วงล่าง และระบบช่วยเหลือต่างๆ

บวกกับราคาใหม่ที่เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจกับราคาเริ่มต้นที่ 1.398 ล้านบาท ในรุ่น 2.0i และ ราคา 1.498 ล้านบาท ในรุ่น 2.0i-P และรุ่นท๊อปสุดที่มาพร้อมออพชั่นแบบจัดเต็มพร้อมเทอร์โบในรุ่น 2.0XT กับราคาที่ 2.29 ล้านบาท

แต่เสียอย่างเดียวคือระบบเชื้อเพลิงที่ยังไม่รองรับน้ำมันแบบ E20 และ E85 ซึ่งอาจเป็นปัญหากับหลายๆ ท่านบวกกับ ศูนย์บริการที่ยังมีจำกัด แต่สำหรับผมแล้ว การได้รถยนต์สมรรถนะดีๆ สักคัน ขับสนุกไว้ใจได้ บวกกับความชอบเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ส่วนนตัวอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่เป็นปัญหากับผมแม้แต่นิดเดียว