เปิดตัวในประเทศไทยมาได้สักระยะ ในที่สุด เอ็มจี ก็ได้ฤกษ์จัดทริปทดสอบรถยนต์เอสยูวีคันแรกของค่ายอย่าง เอ็มจี จีเอส ที่เป็นหนึ่งในโมเดลความหวังครั้งใหม่ของค่ายอีกครั้ง ก่อนที่หน้านี้ยังดูลุ่ม ๆ ดอน ๆ กับรถยนต์นั่งหลายรุ่น
เอ็มจี จีเอส นั้นเปิดตัวและเรียกเสียงฮือฮาพอสมควรกลับความพยายามในการบุกตลาดรถเอสยูวีของรถยนต์สายพันธุ์อังกฤษที่มีเจ้าของพูดภาษาจีนแบรนด์นี้ และเมื่อถึงเวลาทดสอบ เอ็มจีก็นำทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อมาให้ทดสอบกัน
ในช่วงของการทดสอบนั้น ผมได้จับคู่กับเจ้าเอ็มจี จีเอส ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปของรถรุ่นนี้ โดยเอ็มจีวางราคาจำหน่ายที่ 1.31 ล้านบาท ซึ่งหลายคนรู้ราคาตอนแรกแล้วตกใจ เพราะเมื่อดูกับคู่แข่งหลาย ๆ รายแล้วถือว่าการตั้งราคานั้นไม่ธรรมดา
ต้องอย่าลืมว่าตลาดรถยนต์กลุ่มเอสยูวีและครอสโอเวอร์ในตลาดโลกรวมถึงในประเทศไทยเองมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต่างก็ให้ความสำคัญกับรถกลุ่มนี้มากขึ้น ตามมาด้วยการเปิดตัวรถยนต์หลากโมเดลเข้ามาตลาดในช่วงนี้
หนำซ้ำหากมองในเรื่องของราคาจำหน่ายรถยนต์ที่ราคาเกือบล้านไปจนถึงล้านต้น ๆ นั้น ก็พบว่าตลาดเอสยูวีบางส่วนก็ได้รับการแชร์ตลาดจากกลุ่มซีดานขนาดกลาง-ใหญ่ รวมไปถึงตลาดพีพีวีที่ทำราคาจำหน่ายกันอย่างเร้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
กับค่าตัว 1.31 ล้านบาทในรุ่นท๊อปของจีเอส หากมองแค่อุปกรณ์และของเล่นที่มีมาให้นั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ ไม่ได้แพงจนต้องร้องโอ้โห แต่ก็ไม่ได้ถูกขนาดจะเร่งเร้าให้เราไปจับจองเป็นเจ้าของ ที่สำคัญกว่าก็คือรถยนต์นั้นดีพอที่จะแข่งขันกับรายอื่น ๆ หรือไม่
บอกเลยว่าระยะเวลาในการอยู่หลังพวงมาลัยวันนี้มีไม่มากนัก แต่เมื่อบวกกับการเป็นผู้โดยสารรวม ๆ บนระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ก็ต้องยอมรับว่ารถคันนี้มีจุดเด่นหลายเรื่องที่น่าสนใจ แม้จะมีจุดด้อยที่ยังต้องปรับจูนกันอีกครั้งในอนาคตก็ตาม
การออกแบบภายนอกนั้น อย่างที่เคยบอกว่าเป็นเรื่องของใครจะชอบหรือเปล่า แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบความแปลกประหลาดของรถและความกล้าของทีมออกแบบในการออกแบบให้ออกมาได้รถที่ดูสูงกว่าปกติ และติดตั้งอุปกรณ์ที่ออกแบบอย่างเฉียบคมเข้ามาทุกตำแหน่ง
การออกแบบที่ดูลงตัวกว่าในด้านหน้าของตัวรถ ทำให้พื้นที่ตอนหลังนั้นดูไม่แมตช์กันสักเท่าไหร่ ตำแหน่งการวางอุปกรณ์ยังดูงงงงอยู่บ้าง เช่น ปุ่มเปิดประตูห้องเก็บสัมภาระที่ต้องใช้เวลาหาสักระยะ ขณะที่ล้อแมกซ์นั้นดูแปลกตาด้วยลวดลายที่ไม่ค่อยเห็นจากรถรุ่นอื่น ๆ
ห้องโดยสารออกแบบมาเน้นให้ได้บรรยากาศสปอร์ตเต็มที่ แต่เราคาดหวังวัสดุที่มีความหรูหรามากกว่านี้อีกสักเล็กน้อยให้สมกับค่าตัวของรถ ตำแหน่งการนั่งตอนหน้าไม่มีปัญหา และยังมาพร้อมกับเบาะที่นั่งไฟฟ้าคู่หน้าที่ปรับได้ละเอียดดีไม่มีข้อติอะไรมาก
ห้องโดยสารตอนหลังที่แม้จะได้เฮดรูมที่โอ่อ่ากว้างขวาง การก้าวขึ้นไปนั่งทำได้อย่างสะดวก แต่ตำแหน่งของเบาะที่เอนมากเกินไปสักนิดและเบาะมีขนาดสั้น แถมยังโดนเบียดด้วยแผงประตูด้านข้าง ทำให้ความสะดวกสบายหายไปพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล
ตำแหน่งการนั่งของผู้ขับขี่นั้นถูกเบียดด้วยพื้นที่ของแผงคอนโซลขนาดใหญ่ ทำให้การวางตำแหน่งเท้าซ้ายค่อนข้างติดขัด แป้นคันเร่งดูเล็กและเรียวเกินไป เวลาเหยียบคันเร่งบางทีดูเหมือนจะทำให้มันหลุดออกจากขาไปเสียอย่างนั้น ขณะที่การจัดวางอุปกรณ์อื่น ๆ ทำมาได้ค่อนข้างดี
เอ็มจีติดตั้งอุปกรณ์เอนเตอร์เทนเมนต์พร้อมจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วมาให้ในรถรุ่นท๊อป ตัวแผงอุปกรณ์ใช้งานได้อย่างง่ายดาย มีสัญลักษณ์กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน จอสัมผัสนั้นแฝงฟังชั่นส์การใช้งานไว้มากมาย จนอาจจะต้องเปิดคู่มือดูกันสักครั้ง หากจะใช้งานได้ทุกอย่างครบครัน
ข้อดีของรถรุ่นนี้ก็คือการติดตั้งโทรศัพท์มือถือพร้อมอินเตอร์เนต ที่แปลงร่างเป็นไวไฟ ฮอตสปอตได้มาในตัวรถ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าจะเป็นการให้บริการฟรีนานถึง 5 ปี ร่วมกับเครือข่ายทรู และการเชื่อมต่อกับบลูทูธก็ทำได้อย่างง่ายดายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
มาว่าเรื่องการขับขี่กันบ้าง เอ็มจีพยายามชูดจุดขายเรื่องเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 5,300 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,000 รอบต่อนาที โดยระบุว่าเครื่องให้การตอบสนองเท่ากับเครื่องยนต์ 2.4-2.5 ลิตร
ส่งกำลังการผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ซึ่งแม้การตอบสนองของเครื่องยนต์จะดูปรื๊ดปร๊าดทันใจดี แต่ก็รู้สึกว่ารอบเครื่องยนต์ดูจะสูงเกินไปสักเล็กน้อย หากต้องการเรียกเค้นสมรรถนะของรถออกมาให้ได้อย่างทันท่วงทีเพื่อการเร่งแซงในระยะสั้น
หากเป็นการขับขี่แบบไปเรื่อย ๆ บนท้องถนนนั้น จีเอสให้การตอบสนองที่ดีมากในเรื่องของเครื่องยนต์ การส่งกำลัง และความแม่นยำของพวงมาลัย ที่แม้จะมีเรื่องของความเบาของคันเร่งให้ต้องระมัดระวังบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หากจะใช้รถคันนี้ในชีวิตประจำวัน
ช่วงล่างน่าจะเป็นจุดที่ต้องปรับปรุงมากที่สุดของรถคันนี้ เพราะว่าช่วงล่างนั้นดูแข็งไปสักนิด โดยเฉพาะเมื่อขับขึ้นเนินหรือคอสะพาน ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ได้ให้ความคบกริบเท่าที่ควรจะเป็น เดินทางไกล ๆ นี่ผู้โดยสารมีเหนื่อยเหมือนกัน กับการโยนตัวของรถที่ค่อนข้างไวเอาเรื่อง
สั้น ๆ ง่าย ๆ กับการสัมผัสแรกแบบไวไวผ่านไป ใครที่ชอบความโดดเด่นบนท้องถนน รถคันนี้ให้รูปลักษณ์ที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่างแน่นอน ขณะที่เรื่องของการขับขี่นั้นดีพอที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน แต่หากมองเรื่องของการเดินทางระยะไกลหรือเอาไปลุยอาจจะต้องคิดกันอีกที
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สัมผัสได้คร่าว ๆ จากการขับขี่ในกรุ๊ปทดสอบที่เน้นวิ่งตามคันหน้าเป็นหลัก อาจจะมีอะไรที่ต้องมาทดลองกันจริง ๆ อีกครั้ง เมื่อเอ็มจี ประเทศไทย พร้อมที่จะปล่อยรถทดสอบออกมาให้ทดสอบเดี่ยว คาดว่าน่าจะมีอะไรมาเล่าให้ฟังกันอีกเพียบสำหรับรถคันนี้
ตอนนี้เอาไปคร่าว ๆ แบบนี้ก่อนละกัน เดี๋ยวสักเดือนหน้าคงได้มาว่ากันอีกที!!!
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น