อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า นิสสัน ประเทศไทย เริ่มหันกลับมาทำตลาดชุดแต่งมหาโหดในนามของนิสโม่ (Nismo) กันอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ช่วงมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา และเริ่มทำตลาดกันด้วยนิสสัน อัลเมร่า นิสโม่ ทั้งแบบแต่งหน้าและแต่งหนัก
เพื่อเป็นการปลุกตลาดให้คึกคักและทำให้ทุกคนรู้จักกับแบรนด์นิสโม่มากขึ้น นิสสันได้จัดทริปทดสอบอัลเมร่า นิสโม่ แบบสั้น ๆ ขึ้นมา อันนั้นเดี๋ยวเรามาว่ากันอีกรอบ แต่ที่เป็นไฮไลท์ก็คือการพาผู้บริหารพร้อมมอนสเตอร์แบบอัพเกรด นิสสัน จีที-อาร์ นิสโม่ มาให้ลองขับกันในประเทศไทย
แม้จะเป็นเพียงแค่ 2 รอบสนามพีระ เซอร์กิต ที่มาพร้อมข้อจำกัดในการขับขี่มากมาย การถูกรบกวนเวลาขับขี่จากบรรยากาศต่าง ๆ รวมไปถึงการใส่หมวกกันน๊อคขับรถซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยนิยม แต่ก็ถือเป็นการจัดงานที่ยอดเยี่ยมครั้งหนึ่งของแบรนด์นี้ในประเทศไทยทีเดียว
ก็ต้องเข้าใจล่ะนะครับ ว่ารถมูลค่าขนาดนี้ แถมยังเป็นการทดสอบครั้งแรกในประเทศไทยด้วย ก็คงต้องซีเรียสมากหน่อยเป็นธรรมดา ไหนจะทีมงานญี่ปุ่นที่ยังไม่รู้ว่านักข่าวไทยขับรถกันยังไงอีก เอาเป็นว่าถือว่าปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่ามีปัญหาอะไรแล้วมาตามแก้ อันนี้ไม่ว่ากัน
นอกจากผู้บริหารไทยที่ยกทัพกันไปเต็มที่แล้ว งานนี้นิสสันอิมพอร์ต ฮิโรชิ ทามูระ หัวหน้าทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญด้านนิสโม่และจีที-อาร์ เข้ามาอธิบายเกี่ยวกับแบรนด์และตัวรถ รวมถึง ฮิโรโยชิ คาโตะ หัวหน้าทีมเทคนิคของนิสสัน เข้ามาเป็นผู้ขับรถทดสอบให้กับสิ่อมวลชนบางส่วนได้ลองนั่ง
ทามูระบอกว่า นิสโม่ หรือ นิสสัน มอเตอร์สปอร์ต นั้น มีส่วนสำคัญมากในการสร้างแบรนด์นิสสันไปทั่วโลก ในการเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้สูงสุด โดยเน้นทั้งด้านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตและรถยนต์เพื่อการขับขี่ในชีวิตประจำวัน
"ผมจะไม่พูดว่านิสโม่นั้นเป็นบริษัทสำหรับรถแข่ง แต่นิสโม่นั้นเป็นอะไรที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับชีวิตของคุณ สำหรับความตื่นเต้นในแต่ละวัน ซึ่งแน่นอนว่าเราใช้เทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตพัฒนารถที่ไม่ได้มอบแต่ความเร็วในการขับขี่ แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยและความสนุกสนานอีกด้วย"
นิสสัน จีที-อาร์ นิสโม่ ที่นำมาให้ทดลองขับนั้น ได้รับการพัฒนาสมรรถนะของเครื่องยนต์เพิ่มเป็น 600 แรงม้า โดยให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 2.5 วินาที พร้อมด้วยความเร็วสูงสุดมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือเป็นรถที่สมรรถนะสูงสุดคันหนึ่งของโลกในปัจจุบัน
แต่หลาย ๆ คนอาจจะจำเจ้ามอนสเตอร์คันนี้ได้ในฐานะหนึ่งในรถยนต์ที่เคยทำลายสถิติความเร็วสูงสุดรอบสนามเนอร์แบร์กริง ประเทศเยอรมนี ด้วยความเร็ว 7.08.679 นาทีในปี 2013 แม้สถิติดังกล่าวจะถูกทำลายมาเรื่อย ๆ แต่ก็ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่น่าสนใจของรถคันนี้
จริง ๆ แล้ว จีที-อาร์ไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับผม เพราะนิสสันเองเคยชวนผมไปขับเวอร์ชั่นปกติกันมาแล้วที่สนามซิลเวอร์สโตน แต่ตอนนั้นได้แต่นั่งในเวอร์ชั่นนิสโม่ มาคราวนี้ได้ลองขับกันสั้น ๆ เอาจริง ๆ ก็เก็บอาการรถอะไรมากไม่ค่อยได้หรอกครับ ด้วยข้อจำกัดอย่างที่ว่ากันมา
แถมพอเวลาลงสนามจริง ๆ รอบแรกลงไปไล่ไลน์กันใหม่ พอรอบสองเริ่มเข้าที่เข้าทางก็หมดเวลาอยู่หลังพวงมาลัยแล้ว จะหยอดเหรียญเพิ่มขออีกรอบก็ไม่สามารถทำได้ ก็เลยด้แค่ความรู้สึกหลัก ๆ ว่ารถขับได้สนุกขึ้นกว่าเวอร์ชั่นธรรมดา อาการดึงหลังติดเบาะมีมากกว่าเล็กน้อย
น้ำหนักรถที่เบาลงไป 20 กิโลกรัม แม้จะฟังเหมือนไม่มาก แต่เมื่อบวกกับแรงม้าที่เพิ่มมา 50 ตัว พร้อมด้วยชุดแต่งที่ติดตั้งมารอบคันช่วยในการทรงตัวและรีดลมไปในทิศทางต่าง ๆ ก็ทำให้ได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ดีขึ้นเล็กน้อย และได้แรงกดที่ความเร็วสูงดีขึ้น อันนี้ไม่รวมที่สวยขึ้นด้วยนะ
เมื่อวิศวกรเจ้าของโครงการออกมาบอกเองว่านี่คือรถที่เซตอัพมาเพื่อการใช้งานประจำวัน เพราะฉะนั้นใครที่คิดจะเป็นเจ้าของก็ต้องทำใจว่าการเซตอัพต่าง ๆ ของรถนั้นทำออกมาได้ใกล้เคียงรถยนต์เพื่อการใช้งานประจำวันจริง ๆ ในมุมหนึ่งก็น่าจะถูกใจบรรดานักขับรถที่อยากได้สปอร์ตหรูไว้ขับเท่ ๆ แบบไม่เมื่อย
ตำแหน่งของเบาะ การนั่งและการเข้า-ออกจากรถนั้น มีความใกล้เคียงรถยนต์ธรรมดามากขึ้น บานประตูที่เปิดได้กว้าง ตำแหน่งเบาะที่นั่งที่ยกขึ้นมา พร้อมด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดธรรมดา แผงหน้าปัดดูมีฟังชั่นส์การใช้งานแบบปกติมากขึ้น เรียกว่าเอามาวิ่งบนถนนธรรมดาได้ไม่ยาก
เครื่องยนต์นั้นให้การตอบสนองแบบดุเดือดและดุดันตลอดเวลาที่ทำการทดสอบ แต่เครื่องยนต์จะไม่ครางกระหึ่ม เร่งเร้า หรือปลุกให้คุณต้องกดคันเร่งปรู๊ดปร๊าดตลอดเวลา ขับไปเรื่อย ๆ ในสนามก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าอยากสนุกสนานต้องไปให้คาโตะซังขับให้กันล่ะครับ ท่านผู้อ่าน
ช่วงล่างคมกระชับ ไว้ใจได้ และวิ่งไปตามทิศทางที่ควบคุมด้วยพวงมาลัยอย่างง่ายดาย อาการต่อต้านของรถนั้นไม่ค่อยมีมาให้เห็น มันเรียบง่ายเสียจนแอบคิดตอนขับเหมือนกันว่า นี่มันไฮเปอร์คาร์ระดับ 600 แรงม้าจริง ๆ หรือนี่ ทำไมมันคุมง่ายกว่ารถสปอร์ตหลายคันที่เคยขับมาเสียจริง
ผมไม่ได้ตั้งใจจะขับรถคันนี้เร็วมากมายอะไรในสนาม เพราะอยากจะลองบรรยากาศของการขับขี่แบบปกติชนมากกว่า พอขับไปครบ 2 รอบ หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา พบว่าเพื่อนไลน์มาบอกว่า "ฝากถามนิสสันหน่อยว่าจะเอาเข้ามาเมื่อไหร่ ราคายังไง รับจองเลยไหมวันนี้"
ก็เลยต้องขอแสดงความเสียใจกับคนที่อยากจะซื้อรถคันนี้ เพราะด้วยกำลังผลิตที่มีอยู่น้อยนิดของนิสโม่ ทำให้นิสสันเองยากที่จะหารถมาซัพพลายตลาดประเทศไทยได้ แถมนิสสัน ประเทศไทย เอง ก็ไม่มีแผนงานสำหรับการทำตลาดรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเสียด้วย
นอกจากตัวรถแล้ว อีกเรื่องที่ต้องขมก็คงจะเป็นทีมงานของนิสสันที่เข้ามาจัดการเตรียมความพร้อมสำหรับการขับขี่นี่ล่ะครับ มือโปรตัวจริงเสียงจริงและยังได้ขนอุปกรณ์ข้าวของต่าง ๆ กันมาอย่างเต็มที่ แถมยังเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ระดับไม่กล้าขัดคำสั่งข้อห้ามกฎกติกาต่าง ๆ เลยทีเดียว
เอาเป็นว่าแม้จะขับน้อยไปสักนิด แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณนิสสัน ประเทศไทย ที่เชิญชวนกันไปลองอะไรสนุก ๆ ในครั้งนี้ด้วยครับ!!!
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น