ย้อนรอย “Koenigsegg” จากบริษัทขายไก่แช่แข็งสู่ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สวีเดน Share this

ย้อนรอย “Koenigsegg” จากบริษัทขายไก่แช่แข็งสู่ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สวีเดน

Satapana
โดย Satapana
โพสต์เมื่อ 26 June 2559

หลายคนอาจยังไม่ทราบที่มาของการก่อตั้งโคนิกเซกก์ หนึ่งในค่ายรถซูเปอร์คาร์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่สั่นสะเทือนวงการยานยนต์ได้ทุกครั้งที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโคนิกเซกก์คือ คริสเตียน ฟอน โคนิกเซกก์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งล่าสุดได้ขึ้นพูดบนเวที Presidents Institute บอกเล่าที่มาของการเริ่มต้นบริษัทที่ถือว่าแปลกใหม่ และมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง

“ผมเริ่มต้นบริษัทเมื่อตอนอายุ 19 บริษัทแรกของผมทำธุรกิจค้าขายทั่วไปที่ไม่เกี่ยวกับรถยนต์หรือการออกแบบเลย ผมคิดว่าถ้าผมอยากจะทำบริษัทรถยนต์ ผมต้องหาเงินก่อน” โคนิกเซกก์กล่าว “ผมมาจากครอบครัวที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ผมจึงไม่สนใจในการเรียนในห้องเรียนเท่าใดนัก ผมมักจะเรียนรู้จากโลกภายนอกมากกว่า”

โคนิกเซกก์บอกว่าเขาทำธุรกิจแรกเริ่มด้วยการซื้อสินค้าจากบริษัทหนึ่ง เพื่อไปขายให้แก่อีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งเขาต้องทำการซื้อ-ขายตั้งแต่ถุงพลาสติก ไก่แช่แข็ง และสินค้าอื่นๆ ธุรกิจมีขึ้นมีลงตามปกติ แต่แล้ววันหนึ่ง หลังจากทำธุรกิจได้สามปี เขาก็ถามตัวเองว่า “เราต้องการจะทำอะไรกันแน่”

เขามีความแน่วแน่ว่าเขายังต้องการทำบริษัทรถยนต์ ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้ ก็คงจะไม่ได้ทำอีกต่อไป

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/Koenigsegg_side.jpg

“ถ้าผมต้องผลิตรถสักคัน ผมต้องการทำรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะถ้าทำรถธรรมดาที่ผลิตโดยบริษัทไร้ชื่ออย่างโคนิกเซกก์ (ในเวลานั้น) ก็คงไม่มีใครซื้อแน่” โคนิกเซกก์กล่าว นั่นจึงเป็นที่มาของรถสปอร์ตรุ่นแรก โคนิกเซกก์ ซีซี8เอส ที่ใช้เครื่องยนต์วางกลางลำและมีชิ้นส่วนตัวถังที่ถอดออกได้

โคนิกเซกก์คิดว่า ด้วยเงินทุนที่มีอยู่ เขาสามารถผลิตรถโปรโตไทพ์คันแรกออกมาได้ภายในระยะเวลา 1 ปี แต่สุดท้ายแล้วเขาต้องใช้เวลานานถึง 8 ปีในการผลิตและจำหน่ายซีซี8เอส คันแรก พร้อมกับมีผู้ร่วมลงทุนอีก 30 ราย ต่อมาในปี 2006 โคนิกเซกก์เล็งเห็นว่า ดีมานด์ความต้องการซื้อรถประเภทนี้มีมากขึ้น จึงทำการผลิตรุ่นถัดมาอย่างซีซีอาร์ และซีซีเอ็กซ์ ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนการผลิตน้อย แต่ก็รองรับมาตรฐานไอเสียและความปลอดภัยในหลายประเทศที่ทำตลาด

“เราพยายามออกแบบรถที่เป็นการปฏิวัติวงการ แต่ขณะเดียวกันก็ยังรักษาดีเอ็นเอความเป็นอมตะเหนือกาลเวลาของตัวรถไว้ ถึงแม้เวลาจะผ่านไป ตัวรถโคนิกเซกก์จะดูคุ้นตามากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เก่าหรือตกรุ่นแต่อย่างใด” โคนิกเซกก์เผย “ในปี 2007 เราขายรถได้ถึง 17 คัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของเราเลย”

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/DSC01954-Redigera.jpg

โคนิกเซกก์ไม่แปลกใจว่าทำไมลูกค้าถึงต้องการซื้อรถจากบริษัทผลิตรถสปอร์ตขนาดเล็กสัญชาติสวีเดน นั่นเป็นเพราะโคนิกเซกก์ทำในสิ่งที่ค่ายรถรายอื่นไม่สามารถทำได้ “เพราะการมีแรงม้ามากกว่า 1,359 ตัว หรือเท่ากับ 1 เมกะวัตต์ ทำให้โคนิกเซกก์เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ผลิตรถระดับ 1 เมกะวัตต์ออกทำตลาด” โคนิกเซกก์กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

เขาเปิดเผยด้วยว่า การทำธุรกิจรถสปอร์ตของเขาอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม เมื่อตลาดสหรัฐอเมริกาชะลอตัวในช่วงปี 2009 – 2010 ตลาดรถเมืองจีนกลับบูมขึ้นสวนทาง ซึ่งมหาเศรษฐีชาวจีนต้องการครอบครองรถที่มีความแปลกใหม่ นอกเหนือจากแบรนด์เจ้าตลาดที่มีอยู่เดิม

“ปัจจุบัน ตลาดสหรัฐอเมริกาเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง ส่วนจีนก็ขยายตัวต่อเนื่อง ถึงแม้จะไม่รวดเร็วเท่าเดิม ขณะที่ยุโรปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง” โคนิกเซกก์เผย

ซีอีโอวัย 44 ปีเปิดเผยว่า ซีอีโอและผู้ประกอบการที่เขาชื่นชมคือ อีลอน มัสก์ หัวเรือใหญ่เทสล่า มอเตอร์ส และเซอร์ริชาร์ด แบรนสันแห่งเวอร์จิน ส่วนปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้การสร้างบริษัทประสบความสำเร็จก็คือ การมีพนักงานที่มีความสามารถอย่างแท้จริง และส่งเสริมทักษะของพนักงานอย่างถูกต้อง


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ