นิชคาร์ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง ลูกค้ากลุ่มรถซูเปอร์คาร์ไม่กระทบ เดินหน้าช๊อปรถหรูกระจายทำปิดยอดขายตามโควต้าทั้งปีเรียบร้อย ชี้ลูกค้าของลัมบอร์กินี่-แมคลาเรนวันนี้ต้องรอรับรถ 9 เดือนขึ้นไป
วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมบอร์กินี่และแมคลาเรน เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ซูเปอร์คาร์ถือว่าเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทย ที่แม้จะยังไม่เห็นปัจจัยบวกชัดเจน แต่ก็เริ่มฟื้นต้วอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หากมองดูภาพรวมของตลาดรถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่มีอยู่ 3 ยี่ห้อในประเทศไทย (ลัมบอร์กินี่, แมคลาเรนและเฟอร์รารี่) พบว่าตลาดจะอยู่ที่ระดับ 100 คันต่อปี ตามจำนวนของโควต้ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าตลาดจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
"ผมมองว่าตลาดซูเปอร์คาร์ที่แท้จริงนั้นมีอยู่ไม่มาก เพราะนอกจากเรื่องราคาระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว การพัฒนาสินค้าที่มีความเฉพาะตัวและประวัติศาสตร์ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดกลุ่มนี้มีอยู่จำกัด"
ลูกค้าของลัมบอร์กินี่อาจจะต้องรอรถรุ่นใหม่อย่าง ลัมบอร์กินี่ ฮูราคาน นานถึง 9 เดือนและแมคลาเรนอาจจะมากกว่า 1 ปี หากสั่งรถใหม่ในวันนี้ เนื่องจากโควต้าที่มีอยู๋ 40 คันของลัมบอร์กินี่และอีก 20 คันของแมคลาเรนได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว รวมถึงโควต้าบางส่วนของปี 2560
อย่างไรก็ตาม วิทวัสกล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีของนิชคาร์ในการบริหารจัดการองค์กรที่มียอดขายปีละ 1.7 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายการลดการใช้งบการตลาดลงจากปัจจุบัน 5% ให้เหลือ 3-3.5% ในอนาคต เพื่อนำงบประมาณดังกล่าวไปใช้ในกิจกรรมอื่น
"ถ้าสังเกตการจัดงานของเราต่อจากนี้จะเปลี่ยนไป จากเดิมที่เราเดินหน้าเข้าหากลุ่มลูกค้าเป็นหลัก จากนี้ไปเราจะเลือกกลุ่มลูกค้ามากขึ้น การทำตลาดก็จะเปลี่ยนไปบางส่วน เช่น ในปีนี้เราไม่ได้ออกงานมหกรรมยานยนต์ช่วงปลายปีเหมือนทุกปีที่ผ่านมา"
ในส่วนของรถยนต์กลุ่มไฮเปอร์คาร์อย่างปากานี่และโคนิกเซกก์ ที่สนนราคาพุ่งขึ้นไปกว่า 200 ล้านบาทนั้น ก็ได้เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ที่มองรถยนต์เป็นงานศิลปะ โดยคาดว่าอาจจะมียอดขายระดับ 1 คันภายใน 3 ปี
สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ย่านมอเตอร์เวย์ที่มีการลงทุนไปกว่า 500 ล้านบาท ขณะนี้ใกล้แล้วเสร็จ แต่อยู่ระหว่างการปรับเพิ่มศูนย์บริการเป็น 40 ช่องซ่อม เพื่อรองรับรถยนต์ยี่ห้อใหม่ในอนาคต รวมถึงเพื่อรองรับลัมบอร์กินี่ อูรุส รถยนต์เอสยูวีคันแรกของค่ายที่จะนำมาเปิดตัวในไทยปีหน้า
"แม้จะเลื่อนแผนมา แต่ผมก็ยังเชื่อว่าอูรุสอาจจะดับเบิลยอดขายให้เราได้ โดยเราคาดว่าอูรุสน่าจะมียอดจำหน่ายระดับปีละ 30 คัน โดยจุดขายก็คือการเป็นเอสยูวีที่มีน้ำหนักเบาและเร็วที่สุดในโลก ที่ทางลัมบอร์กินี่ใช้เป็นแนวคิดหลักในการพัฒนา"
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น