เชฟโรเลต ไม่ปล่อยให้พวกเราต้องรอนานสำหรับการทดสอบ 2016 เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ (2016 Chevrolet Trailblazer) ที่พากันไปลองพีพีวีรุ่นท๊อปกันไกลถึงเกาะช้าง แม้จะไม่อาจพูดว่านี่คือพีพีวีที่ดีที่สุดของตอนนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่คือการแก้การบ้านที่ดีที่สุดชองค่ายรถจากอเมริกันเลยทีเดียว
ตลาดพีพีวีหรือกลุ่มรถยนต์ดัดแปลงบนพื้นฐานปิกอัพกลายเป็นตลาดรถยนต์ที่เติบโตเป็นอย่างมากจากการที่ผู้ผลิตรถยนต์เกือบทุกรายที่มีรถปิกอัพ เริ่มหันมาพัฒนาและทำตลาดรถกลุ่มนี้กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความชำนาญและเชี่ยวชาญในการออกแบบก็ต่างกันออกไป
ถ้าจำกันได้ เชฟโรเลตเองก็เริ่มเข้าสู่กระแสนี้เช่นกันในช่วงที่ผ่านมากับเทรลเบลเซอร์รุ่นแรก ที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลาย แต่ด้วยเพราะสินค้าที่ไม่ได้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง ทำให้เรายังไม่เห็นปริมาณของเทรลเบลเซอร์วิ่งไปมาบนท้องถนนมากนัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งแบรนด์อื่น ๆ
ทีมงานเชฟโรเลตเองก็รับรู้ปัญหาเรื่องนี้ดีล่ะ เมื่อถึงเวลาต้องไมเนอร์เชนจ์ เลยกลายเป็นงานใหญ่ของบริษัท เพราะหากจำกันได้ แม้แต่เชฟโรเลต โคโลราโดที่เป็นเบสในการพัฒนา ก็ได้รับการปรับปรุงไปอย่างมาก ใครที่จำไม่ได้ ไปตามอ่านกันได้กับสัมผัสแรกที่เราบอกว่ารถปิกอัพรุ่นนี้น่าใช้งานขึ้นเพียงใด
เมื่อเทรลเบลเซอร์ใช้ฐานในการพัฒนาต่อยอดมาจากโคโรลาโด แน่นอนว่าข้อดีของโคโลราโดก็ต้องติดตามมาด้วยเช่นกัน เพียงแต่ด้วยน้ำหนักของรถที่เยอะกว่า รูปทรงที่เพิ่มเติมเข้ามา รวมไปถึงน้ำหนักของรถที่หนักกว่า ก็ทำให้ยังมีบางอย่างที่ต้องพิจารณากันหลายประการ
เรื่องหน้าตาผมไม่พูดถึงนะครับ เพราะว่าอย่างที่เคยบอกไปแล้วตอนโคโรลาโดว่ามันดูดีขึ้นในระดับหนึ่งเลยล่ะ ก็ต้องยอมรับว่าสวยงามขึ้นตามประสา แต่คนที่ชอบอะไรบึกบึนก็บอกว่าหน้าตามันดูอ่อนหวานเกินไป อันนี้ก็แล้วแต่คนมอง แต่ผมคิดว่าผู้หญิงที่มองหารถแนว ๆ นี้อยู่น่าจะสนใจรถคันนี้ไม่น้อยล่ะ
ในรุ่นแอลทีแซดที่ผมใช้บริการตลอดทริปนั้น มาพร้อมกับอุปกรณ์การตกแต่งที่ครบครัน เรียกว่าไม่ต้องไปสรรหาอะไรเพิ่มกันแล้ว เลือกฟิล์มสวย ๆ อย่างที่อยากได้มาแปะกระจกก็พร้อมเอาออกไปซิ่งได้ทันที งานออกแบบด้านท้ายดูไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมาย จนดูธรรมดาไปนิดในความรู้สึก
ห้องโดยสารภายในก็ยังยกมาจากโคโรลาโด แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือช่องว่างแก้วน้ำที่เป็นลักษณะเหมือนแท่ง ๆ ให้เสียบเข้าที่ด้านใต้แอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า อันนี้ด้านการใช้งานถือว่าดี แต่ตำแหน่งการเก็บเมื่อไม่ใช้งานที่อยู่ที่กล่องคอนโซลกลาง ถือว่าเกะกะและทำให้เสียพื้นที่เก็บของไป 1 ตำแหน่ง
ไอ้ครั้นจะไปบอกให้หาที่เก็บที่อื่นก็คงยากของทีมงานล่ะ เอาจริง ๆ ถ้าใช้งานแล้วไม่เสียบยึดไว้ในตำแหน่งไปเลย ก็คงต้องโยนไว้ที่กล่องเก็บของหน้ารถนั่นล่ะครับ ไอ้ครั้นจะมาเปิดกล่องกลาง เสียบให้เข้าที่เข้าทาง เอาตรง ๆ นะ มันไม่ได้เป็นการใช้งานที่ดูเป็นธรรมชาติเลยสักนิด แม้จะใช้งานดีแค่ไหนก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี
อัดแน่นมาด้วยระบบต่าง ๆ มากมายล้นคัน แถมคิดมาตั้งแต่การผลิต เช่น การติดตั้งยางซึมซับเสียง การฉีดโฟมไปอุดช่องต่าง ๆ ซึ่งทำให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นกว่าเดิม แถมเพิ่มเติมด้วยระบบช่วยเหลือด้านการใช้งาน ทำให้เทรลเบลเซอร์เป็นพีพีวีคันแรกที่มาพร้อมรีโมตสตาร์ทและแอปเปิล/แอนดรอยด์ คาร์เพลย์
นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยระบบต่าง ๆ มากมายที่ดูแล้วมากเกินไปด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนรถยนต์ที่วิ่งมาด้านหลังเมื่อถอยรถ ระบบตรวจสอบแรงดันลมของล้อแบบเรียลไทม์ ไล่ไปจนถึงระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ขนาด 2.5 ลิตร ให้พละกำลังเพิ่มเป็น 180 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ระบบพวงมาลัยแบบใหม่ ออกแบบให้มีน้ำหนักที่เบาขึ้นเพื่อเอาใจลูกค้าผู้หญิง แม้หน้าตาจะเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมไส้ในให้ดีขึ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ ต้องขอแทรกรายการด้วยคำพูดของทีมงทานเชฟโรเลตว่า ทั้งโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์ ใหม่นี้ คือสินค้าที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ที่ประกาศพันธกิจในการเดินหน้าทำตลาดประเทศไทยด้วยรถยนต์กลุ่มปิกอัพและเอสยูวีเป็นหลัก ซึ่งการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย
สิ่งที่เปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจก็คือเสียงภายในห้องโดยสารที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด พวงมาลัยมีน้ำหนักที่เหมาะสมมากขึ้น คือไม่เบาจนหวิวและลดน้ำหนักให้เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง เรียกว่าการพารถซอกแซกไปตามถนนแคบแคบของเกาะช้างนั้นไม่มีปัญหา แถมยังคม กระชับ บนถนนหลวงอีกต่างหาก
ช่วงล่างนั้นยังเป็นอะไรที่ต้องขอพิสูจน์กันอีกสักรอบ เพราะตอนที่ขับไปเรารู้สึกได้ถึงอาการโยนตัวและเหวี่ยงของด้านท้ายรถ โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้โดยสารตอนหลังนี่ถือว่ารุนแรง แต่ทีมงานบอกว่าเป็นปัญหาของลมยางหลังที่ตรวจสอบแล้วอยู่ที่ 41 จากมาตรฐานรถที่ให้เติม 35 แบบปกติและ 38 เมื่อบรรทุกหนัก
พอกลับมาขับอีกรอบขากลับก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย ไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร แต่ต้องบอกก่อนนะว่าเรื่องของการโยนตัวไม่ได้เป็นปัญหาต่อเรื่องการควบคุมหรือการขับขี่นะครับ ช่วงล่างและพวงมาลัยนั้นคม กระชับ และให้ความมั่นใจในการขับขี่ที่ดี เดี๋ยวเอามาอีกรอบจะพาไปลุยป่า พิสูจน์กันให้ครบ ๆ ทุกด้านก็ละกัน
มาว่ากันที่เครื่องยนต์กันบ้าง แม้จะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แต่ก็สามารถลากรถน้ำหนัก 2 ตันนิด ๆ ไปได้แบบไม่มีปัญหา โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วกลางย่าน 100 บวกลบ 20 นี่สบายมาก กดคันเร่งไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเค้นอะไรมากมาย อาจจะต้องออกแรงมากหน่อยในการปีนป่ายถนนโค้งเอสบนเกาะช้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
แม้ว่าการตอบสนองของเครื่องยนต์จะดรอปลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่บนโคโรลาโด และก็อาจจะยังเทียบกับพีพีวีบ้าพลังบางค่ายไม่ได้ แต่หากเทียบกับเทรลเบลเซอร์ตัวเดิมแล้ว ต้องถือว่าเครื่องยนต์ใหม่นี้ดูลงตัวกับรถมากกว่าอย่างชัดเจน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันวิ่งอยู่แถว ๆ 9-11 กิโลเมตรต่อลิตร แล้วแต่สภาพการขับขี่
เครื่องยนต์ที่เล็กลงก็ทำให้ต้องปรับตัวพอสมควรนะครับ ยิ่งมาอยู่กับพี่เบิ้มน้ำหนักตัวระดับนี้ บางทีกดคันเร่งไปพรวดก็มีอาการฟรีให้เห็นอยู่เหมือนกัน อัตรการเร่งออกตัวก็ไม่ได้ปรู๊ดปร๊าดมาก เรียกว่าต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์และเกียร์ให้เชี่ยวชาญสักนิด แล้วจะขับเจ้าเทรลเบลเซอร์คันนี้อย่างสนุกสนานมากขึ้น
เอาล่ะ มาสรุปความกันดีกว่ากับเทรลเบลเซอร์คันนี้ที่ผมมีโอกาสนั่งหลังพวงมาลัยอยู่ราว ๆ 300 กิโลเมตรแบบอัดยาวจากเกาะช้างเข้ากทม. ทางก็มีทั้งขึ้นลงเขา ทางแคบ ทางหลวง ฝนตก และอื่น ๆ หลายรูปแบบ ถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ แบบประโยคเดียวจบ ก็ต้องบอกว่า "เฮ้ย มันทำรถดีดีให้น่าใช้ก็ทำเป็นนี่หว่า"
ถ้าไม่นับระบบต่าง ๆ ที่อัดกันมาอย่างเต็มพิกัด เอาใจลูกค้าที่อาจจะขับรถไม่ชำนาญหรือพวกบ้าเทคโนโลยีแล้ว เทรลเบลเซอร์นั้นได้รับการออกแบบที่ดีในทุก ๆ ด้าน การลดเสียงปะทะของลมและเสียงจากเครื่องยนต์คือความดีงาม การตอบสนองของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เกียร์และพวงมาลัยก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร
ที่สำคัญก็คือ ไอ้ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ได้มาในราคา 1.479 ล้านบาท หรือถ้าคิดว่าของเล่นพวกนั้นมันมากเกินไป ลองไปดูรุ่นล่าง ๆ ที่ราคาเริ่มต้นแค่ 1.244 ล้านบาทดูก็ได้เหมือนกัน เรียกว่าเอาราคามาเทียบกับสมรรถนะที่ได้มา เทรลเบลเซอร์น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์พีพีวีไว้ติดบ้านสักคัน
ก็ต้องยอมใจทีมงานเชฟโรเลตกันจริง ๆ เพราะนอกจากจะพยายามหาจุดดีของรถและฟังชั้่นส์มากมายหลากหลายมาชดเชยในจุดอ่อนของรถที่หลายคนยังแอบสงสัยกันอยู่ การตัดใจตั้งราคาจำหน่ายที่ต้องบอกว่าซื้อไปนี่คะแนนด้านความคุ้มค่านี่พุ่งขึ้นทันที ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเชฟโรเลตยุคใหม่ก็ว่าได้
พอดูรวมรวมแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน... จะบอกแบบนี้ก็คงไม่ผิดอะไรเหมือนกัน!!!
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น