นักสังคมวิทยาใช้คำว่า “เบบี้บูมเมอร์” สำหรับคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันจะมีอายุในช่วง 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการสำรวจพบว่าคนกลุ่มนี้ไม่สนใจในรถสปอร์ตแล้ว แต่หันไปหาเอสยูวีมากกว่า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คนที่เกิดในช่วงค.ศ. 1946 - 1964 เคยให้ความนิยมในรถสปอร์ตอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา แต่หลังจากผ่านช่วงวัยกลางคนมาแล้ว พฤติกรรมการใช้จ่ายเริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยจะหันไปหารถเอสยูวีที่ให้ความสะดวกสบายมากกว่าและมีสมรรถนะที่ดีพอตัวแทน
ออโต้ดาต้า คอร์ป บริษัทสำรวจตลาดระบุว่า รถเอสยูวีอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี คูเป้ และแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ตมียอดขายเพิ่มขึ้นถึงกว่า 200% ในปีนี้ ขณะที่ยอดขายฟอร์ด มัสแตง และเชฟโรเลต คอร์เวทท์ลดลง นั่นทำให้ฟอร์ดต้องระงับการผลิตมัสแตงชั่วคราว เพื่อระบายสต็อกที่มีอยู่ออกไปก่อน
มาร์ก ชอลเลอร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของฟอร์ดกล่าวว่า “เราเริ่มตระหนักว่าคนเบบี้บูมเมอร์เริ่มถอยห่างจากรถสปอร์ตมากขึ้น มัสแตงเป็นรถสำหรับคนเฉพาะกลุ่มอายุไปแล้ว”
ทางด้านปอร์เช่ก็กำลังเผชิญกับยอดขายรถสปอร์ตลดลงเช่นกัน ขณะที่มาแคน ซึ่งเป็นรถเอสยูวีสมรรถนะสูงนั้นเติบโตสวนทางเพิ่มขึ้นถึง 30%
อีริค โนเบิล ที่ปรึกษาจากบริษัทสำรวจตลาดอย่างคาร์แล็บกล่าวว่า “เบบี้บูมเมอร์ไม่สนใจรถสปอร์ตแล้ว เพราะเมื่อคุณมีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ความสะดวกสบายจะมีความสำคัญสำหรับคุณมาก ขณะที่รถสปอร์ตจะไม่หายไปไหน แต่ตลาดจะเล็กลง เนื่องจากคนที่มีอายุน้อย หรือราว 35 – 50 ปียังไม่มีรายได้มากพอที่จะซื้อรถสปอร์ต”
ความคิดเห็น