การทำตลาดรถขับขี่อัตโนมัติไม่ได้จำกัดแค่เพียงการพัฒนาระบบวิศวกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อกฎหมายอีกมากมายที่ต้องรองรับการใช้งานจริงบนท้องถนน
หนึ่งในข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นก็คือ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในกรณีที่รถขับขี่อัตโนมัติเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันบนท้องถนน ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายผิดที่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายของอีกฝ่าย ยังเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังหาทางออกที่สมเหตุสมผลที่สุดให้ได้
สำนักวิจัย Thatcham Research ระบุว่า การหาฝ่ายผิดที่ต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นหนึ่งในความท้าทายหลักในการใช้งานรถขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งทำให้หน่วยงานรัฐบาลควรออกกฎหมายที่บังคับให้ต้องมีการ “บันทึกข้อมูลระหว่างขับขี่” เพื่อจะดูว่ารถคู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุนั้นมีการทำงานอย่างไร บางครั้งผู้ขับขี่อาจเป็นผู้ที่ควบคุมรถเองก็ได้แต่อ้างว่าอยู่ในโหมดขับขี่อัตโนมัติเพื่อปัดความรับผิดชอบ
ปีเตอร์ ชอว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Thatcham Research กล่าวว่า “กฎหมายในอนาคตจะต้องปกป้องผู้บริโภคในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยจะต้องระบุตัวผู้รับผิดชอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด ข้อผิดพลาดอาจเกิดจากมนุษย์หรือระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งจะรู้ได้ด้วยวิธีการเดียวคือการบันทึกข้อมูลระหว่างขับขี่ เราต้องการผลักดันให้ค่ายรถและหน่วยงานรัฐบาลที่ออกกฎหมายทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมบริษัทประกันภัยเพื่อกำหนดกรอบการทำงานในเรื่องนี้”
ปัจจุบัน บรรดาบริษัทประกันภัยหลายแห่งของยุโรปต่างกำลัง "ล็อบบี้" เรียกร้องให้มีการสร้างมาตรฐานการบันทึกข้อมูลแบบสากล ซึ่งจะระบุได้ว่าตัวรถทำงานแบบใดขณะเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ การบันทึกข้อมูลระหว่างขับขี่ยังทำให้การเคลมประกันมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับช่วยให้ค่ายรถสามารถปรับปรุงระบบการทำงานของรถขับขี่อัตโนมัติให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การใช้ระบบจีพีเอสและการบันทึกข้อมูลก่อนเกิดอุบัติเหตุราว 30 วินาทีและหลังเกิดเหตุ 15 วินาทีจะทำให้สามารถรู้ตำแหน่งของอุบัติเหตุ รู้ได้ว่าตัวรถจอดนิ่งหรือเคลื่อนไปในทิศทางใดขณะเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่มีการควบคุมตัวรถหรือไม่ มีการเบรกหรือเหยียบคันเร่งมากน้อยเพียงใด หรือมีการนั่งอยู่ที่เบาะคนขับหรือคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ ทุกข้อมูลสามารถนำมาวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุได้ทั้งหมด
ความคิดเห็น