วันนี้เราได้รับเชิญจากทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ให้มาร่วมรับประทานอาหารที่ me Box by Mercedes-Benz ร้านอาหารสุดชิคที่ทางค่ายรถตราดาวจัดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ตรงช่องว่างระหว่างสยาม ดิสคัฟเวอรี่และสยาม เซนเตอร์
เอาจริง ๆ ร้านนี้นั้น ผมรู้เรื่องมาตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดเสียอีก เนื่องจากคุยกับทางผู้บริหารของค่ายมานาน ต่อเนื่องจากการเปิด me Bar ชอคโกแลต บาร์ในห้างสยาม ดิสคัพเวอรี่ แต่กำหนดการเปิดเดิมนั้นจะเป็นช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จึงเลื่อนมาก่อนตามความเหมาะสม
จากนั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน ทางร้านได้ปรับไปนำเสนอ 9 เมนูพิเศษ โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจมาชิมอาหารร่วมบริจาคเงินเพื่อเข้าสู่มูลนิธิพระดาบส โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ในตอนนั้นผมได้มาร่วมชิม พร้อมร่วมบริจาคไปแล้ว แว่วว่าปิดยอดบริจาคกันไป 4 แสนกว่าบาทก็ปลื้มใจไม่น้อย
หลังจากนั้น มี บอกซ์ ก็ได้ฤกษ์เปิดขายอาหารอย่างเป็นทางการในที่สุด โดยมีกำหนดระยะเวลาการเปิดขายไปถึงวันที่ 7 มกราคม 2560 ก็จะปิดให้บริการ ตามมาด้วยมี บาร์ ที่จะจำหน่ายไปจนถึงวันที่ 31 มกราคมก็จะเลิกขายเช่นเดียวกัน
บอกตรง ๆ ครับว่าตอนแรกที่เห็นราคาอาหารก็แอบร้องอู้หูในใจเหมือนกัน แต่พอเห็นอาหารที่เอามาเสิร์ฟแล้วก็รู้สึกว่าไม่แพง เพราะถ้าใครเป็นพวกคออาหารฝรั่งจะพอรู้ว่าราคาของหอยนางรมจากฝรั่งเศสหรือล็อบสเตอร์แบบเสิร์ฟทั้งตัวนั้น ราคาก็เอาเรื่องอยู่
จริง ๆ ต้องบอกว่าอันนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ๆ กับการรังสรรค์พื้นที่ใจกลางเมืองโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ และฝีมือในการดูแลอาหารที่ได้มืออาชีพจากร้าน Lobster&Oyster รวมถึงเหล่าบริกรชั้นดี ที่บางคนอาจจะต้องพูดภาษาอังกฤษด้วยถึงจะสั่งอาหารกันเข้าใจ
เราเริ่มมื้อกันเบา ๆ ด้วย Trio Snax มันฝรั่งทอดในน้ำมันทรัฟเฟิลโรยด้วยชีสพาร์เมซาน เห็ดแชมปิญองชุปแป้งขนมปังทอด และปีกไก่ทอด เสิร์ฟพร้อมมายองเนสรสกระเทียม (220 บาท) อาหารเรียกน้ำย่อยที่เด่นที่สุดก็ตัวเห็ดชุบแป้งทอดที่กรุบกรอบโดนใจ
ตามกันมาด้วยพระนางของงานอย่าง Royal Cabanon Oyster หอยนางรมคาบานอน ส่งตรงจากฟาร์มในประเทศฝรั่งเศส พิเศษด้วยการเลี้ยงเพื่อให้ได้คุณภาพของหอยที่ดีที่สุดในแบบที่คนไทยจะชื่นชอบ หากสั่งเดี่ยว ราคาตัวละ 175 บาท แต่หากสั่งจำนวนมากราคาก็จะลดหลั่นกันไป
ต้องบอกว่าตัวหอยอาจจะไม่ได้ใหญ่อวบอ้วนล้นปากเหมือนที่คนไทยนิยมกัน แต่รสชาติที่ได้จากหอยคาบานอนนั้นจะหวานชื่นใจ ตัวหอยเสิร์ฟมาในน้ำทะเลที่เค็มไปนิด เทออกแล้วบีบเลมอนลงไปเล็กน้อย ก็กินได้อร่อยเอร็ดทันที โดยไม่ต้องไปใช้บริการซอสที่เตรียมเอาไว้แต่อย่างใด
ล้างปากกันสักนิดด้วย Peppery Prawn & Squid Salad สลัดกุ้งและปลาหมึกย่าง (380 บาท) สลัดหน้าตาแปลกประหลาดที่มาพร้อมใบโหระพา กรีนโอ๊คและผักอื่น ๆ คลุมกุ้งและปลาหมึกผัดกระเทียมใส่พริกไทที่อร่อยลงตัว จานนี้ใครไม่กินผักก็สอยกุ้ง-ปลาหมึกกินไปเพลิน ๆ ได้
ก่อนที่จะไปถึงจานเอกที่เราเลือกไว้ว่าจะต้องได้ชิม ทางร้านได้จัด Baked Seabass in Tray สเต็กปลากะพงขาว เสริฟพร้อมซอสเบลอบลองและซอสซัลซ่าเวอดิ (570 บาท) มาให้ทดลองกันก่อน เนื้อปลาหวานสด ย่างมากำลังดี กินแบบไม่มีซอสก็ได้รสชาติ ตัวซอสออกจะครีมไปสักนิด ทำให้ตัดรสชาติปลาไปบ้างบางส่วน
แล้วพระเอกของเราก็มาถึงกับ Poached whole Canadian Lobster กุ้งล็อบสเตอร์เสิรฟพร้อมดอกกะหล่ำบด ราดด้วยซอสเข้มข้นที่เคี่ยวจากหัวและเปลือกของกุ้งล็อบสเตอร์ เสิรฟพร้อมดอกกะหล่ำขาวย่าง (1,550 บาท)
บอกเลยว่าตอนเห็นราคานี่แอบตกใจ เพราะล็อบสเตอร์ทั้งตัวแบบนี้ปกติหากินได้ที่ราคา 3,000 บาทขึ้นไป ต้องบอกว่าเชฟมีวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ แถมรสชาติก็ดี ใครที่ชอบอาหารแนว ๆ นี้ แนะนำให้เก็บสตางค์มาชิมกันให้ได้สักครั้ง
ปิดท้ายอาหารคาวกันที่ Roasted Seafood Platter อาหารทะเลจานใหญ่เสิร์ฟร้อน ประกอบด้วยหางกุ้งล็อบสเตอร์ ก้ามปู หอยเชลล์และหอยแมลงภู่ (950 บาท) บอกเลยว่าจานนี้ผมแค่และ ๆ เล็ม ๆ เพราะอิ่มจากจานก่อนหน้า แต่บอกเลยว่าไ้ส้กรอกหมูที่มี 2 ชิ้นในจานอร่อยมาก ใครสั่งก็แย่งกันให้ดี
นอกจากของคาวจะเลิศรสแล้ว อย่าลืมเผื่อท้องไว้กินของหวานนะครับ ไอศกรีมอิตาเลียนที่นี่อร่อยดีทุกรสชาติในราคา 90 บาทต่อสกู๊ป หรือใครเป็นพวกบ้ากาแฟจะลองสั่งอัฟโฟกรอตโตรมาชิมเล่นแบบผมก็ไม่ผิดกติกาอะไร แต่เอาจริง ๆ ผมว่าถ้าเป็นไอศกรีมวนิลา น่าจะเข้ากว่าไอศกรีมมะพร้าวนะ เชฟนะ
เอาล่ะ จบจากการชิมอาหารอย่างเป็นทางการ ไอ้ที่พูดมาทั้งหมดข้างบนนั่นกินกัน 4 ชีวิตนะครับ อย่าตกใจไปว่าเหมาคนเดียว ต้องบอกเลยว่าใครที่เป็นคออาหารฝรั่งไม่น่าพลาดครับ ราคาอาหารอาจจะดูเหมือนสูงไปนิด แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปอย่างแน่นอน
ถ้าไม่เชื่อ เรียกไปชิมเป็นเพื่อนได้เลยนะครับ!!!
ความคิดเห็น