[1st Impression] 2017 Nissan Note 1.2VL CVT ร่างทรงมาร์ชในขนาดใหญ่ขึ้น อัดของเล่นเน้นเทคโนโลยี

นิสสัน ประเทศไทย เปิดสนามทดสอบของนิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก ให้สื่อมวลชนทำการทดสอบ 2017 นิสสัน โน๊ต (2017 Nissan Note) กันแบบสั้น ๆ 3 รอบสนามทดสอบ โดยได้นำรุ่นท๊อปอย่าง 1.2 วีแอล ซีวีที เจ้าของค่าตัว 6.4 แสนบาทมาให้ทดลอง

แน่นอนว่านิสสัน โน๊ต คือรถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่ 3 ในโครงการอีโคคาร์ เฟสหนึ่ง ที่นิสสันประกาศว่าเป็นการผลิตเพื่อให้ครบตามที่ประกาศแผนงานเอาไว้ พร้อมทั้งได้ตัดรุ่นท๊อปของนิสสัน มาร์ช ใน 3 รุ่นบนออกไป เพื่อที่จะได้มุ่งมั่นทำตลาดรถยนต์ใหม่คันนี้กันอย่างเต็มที่

การเข้ามาทำตลาดของโน๊ตนั้นมีนัยที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาชดเชยรุ่นท๊อปของมาร์ช การเข้ามาในโครงการอีโคคาร์เฟสแรก หรือแม้แต่การวางตำแหน่งสินค้า ซึ่งแน่นอนว่าด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้น หากจะมองว่าโน๊ตตั้งเป้าหมายท้าทายไปถึงกลุ่มบี-เซกเมนต์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ก่อนที่จะเริ่มทำการทดสอบกัน นิสสันได้ทำการอธิบายที่มาที่ไปของรถ จุดเด่นต่าง ๆ รวมไปถึงความสำคัญของการมีศูนย์วิจัยและพัฒนาตั้งอยู่ในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของการทดสอบรถ เลยขออนุญาตเก็บไวเล่าสู่กันฟังในโอกาสหน้าอีกครั้ง

กลับมาที่ตัวรถกันก่อน นิสสันเองยังไม่ได้ส่งรถรุ่นนี้ออกไปที่โชว์รูมอย่างเป็นทางการ ในช่วงนี้จึงเป็นช่วงเริ่มต้นของการทำตลาด โดยนิสสันจะเริ่มต้นส่งมอบนิสสัน โน๊ตให้กับลูกค้าตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมเป็นต้นไป และกำหนดการทดสอบแบบจริงจังก็จะเริ่มขึ้นหลังจากช่วงเวลานั้นไปแล้ว

รถยนต์นิสสัน โน๊ต สีแดงที่จอดอยู่หน้าศูนย์ทดสอบนั้น มีความโฉบเฉี่ยวและสวยงามในแบบของรถยนต์ยุคใหม่ ๆ กรอบไฟหน้าสวยเฉียบ ไฟท้ายทรงบูมเมอแรงที่ดูลงตัวขึ้น เส้นสายรอบตัวนั้นได้รับการออกแบบให้ดูมีความสปอร์ตเร้าใจมากยิ่งขึ้นไปให้สมกับสมัยนิยม

ภายในห้องโดยสารนั้นกว้างขวางแบบท้าชนทุกราย ห้องโดยสารตอนหลังกว้างพอให้ผู้โดยสารนั่งไขว่ห้างได้ลอดทาง ห้องเก็บของตอนหลังดูจะตื้นไปสักเล็กน้อย แต่ชดเชยด้วยเบาะที่นั่งแบบพับได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระชิ้นใหญ่ให้เป็นไปได้อย่างง่ายดาย

นิสสันเอาใจลูกค้าชอบขนของด้วยการติดตั้งประตูบานหลังที่เปิดได้ 3 ระดับเกือบ 90 องศา เพื่อความสะดวกสบายในการขนสัมภาระชิ้นใหญ่ไว้ด้านในห้องโดยสาร ซึ่งในวีดีโอเปรียบเทียบได้ยกตัวอย่างการติดตั้งทีวีขนาด 50 นิ้วพร้อมกล่อง ว่าสามารถผ่านประตูเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

ขณะที่ห้องโดยสารตอนหน้ามาพร้อมกับเครื่องเสียงแบบใหม่ ระบบปรับอากาศที่พัฒนาหน้าตาขึ้นมาจากรุ่นเดิมเล็กน้อย พวงมาลัยพร้อมมัลติฟังชั่นส์ที่ยังไม่ได้มีโอกาสจะแตะต้องสักปุ่ม ทั้งหมดนี้มาด้วยวัสดุที่ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมนัก แต่ปรับสีให้ดูหรูหราขึ้นเล็กน้อย

เบาะผู้โดยสารนั้นมีขนาดที่เล็ก ดูแล้วคนตัวใหญ่ ๆ ไปนั่งก็อาจจะมีอาการปลิ้นออกด้านข้างเล็กน้อย การปรับตำแหน่งเบาะนั่งนั้นดูจะต้องใช้เวลาหากต้องการตำแหน่งนั่งที่เป๊ะ พวงมาลัยมีน้ำหนักเยอะ หากจะปรับต้องระมัดระวังเมื่อปลดคันล็อกออกให้ดี

เอาล่ะ นิสสันบอกว่าแม้เครื่องยนต์จะเป็นเครื่อง 1.2 ลิตร ขนาด 79 แรงม้า แต่ปรับการทำงานของเกียร์ซีวีทีให้ฉลาดล้ำขึ้นกว่าเดิม กระโดดขึ้นเบาะที่นั่ง ปรับตำแหน่งอะไรเรียบร้อย เข้าเกียร์ D กดคันเร่งออกจากช่องจอด กะว่าขับขำขำเอาฟีลลิ่งเบื้องต้นไปก่อน

นิสสันจัดเส้นทางทดสอบให้มีทั้งการวิ่งผ่านโค้ง การเปลี่ยนช่องทางวิ่ง กลับรถ วิ่งผ่านทางขรุขระ ฝาท่อ รวมถึงการทดสอบการวิ่งขึ้นเนินลาดชันเพื่อจอดทดลองระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน รวมถึงทดสอบความแคบของวงเลี้ยวที่เคลมไว้ที่ 5.2 เมตร

บอกไว้ก่อนนะครับ ว่าขับแค่นี้ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนักหรอก โดยสรุปรวมจะบอกว่าฟีลลิ่งการขับแทบไม่ได้แตกต่างจากนิสสัน มาร์ช สักเท่าใดนั่นล่ะ การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ทำงานในแบบของรถยนต์ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ไม่ได้ปรู๊ดปร๊าดอะไร

แม้แต่ในช่วงของการทดสอบการทำงานของเกียร์ที่ปรับจูนมาใหม่ ผมเองก็รู้สึกแค่การทำงานของเครื่องยนต์ที่คำรามขึ้นมาอย่างชัดเจน เรียกว่าใครอยากได้อารมณ์สปอร์ตด้วยเสียงเครื่องยนต์คำรามก็จะได้ไปอย่างเต็มที่ แต่เครื่องยนต์ก็ไม่ได้พุ่งตัวอะไรรวดเร็วมากมาย

สิ่งที่พัฒนาขึ้นมาอย่างมากและเป็นจุดดีที่ควรพูดถึงก็คือช่วงล่างที่นิ่งในทางโค้ง ไว้ใจได้ใจทางตรง รวงมถึงการเปลี่ยนเลนก็ทำได้อย่างสบาย ๆ แถมการทดลองบนถนนขรุขระทั้งหลาย ก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ยังให้ความนุ่มนวลและการเก็บเสียงที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน

ข้อดีจริง ๆ ของรถเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งหมดก็คือบรรดาระบบและอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนรถออกจากเลน ระบบเตือนการชนด้านหน้า ไปจนถึงกล้องส่องรอบคันและระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหว เรียกว่าจัดมาให้ไม่แพ้รถรุ่นใหญ่ ๆ กันแล้วในปัจจุบัน

แม้จะต้องถามว่าทำไมไม่เอากล้องส่องรอบคันมาติดไว้บนหน้าจอเครื่องเสียงที่ใหญ่กว่ากระจกมองหลังเสียเลย ต้องให้เจ้าของไปซื้อสายต่อเพิ่มเอาเอง หรือระบบเตือนวัตถุเคลื่อนที่ที่ควรเตือนรอบด้านมากกว่าการเตือนตามการเคลื่อนที่ของรถ แต่คงเร็วไปที่จะวิจารณ์ ไว้รอขับยาว ๆ ลองใช้กันเต็มที่ดีกว่า

เห็นไหมครับว่า มาถึงตอนนี้ ข้อดีที่จับได้จากการขับ 3 รอบเป็นเรื่องของอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาให้เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น หากต้องการที่จะจับจองเป็นเจ้าของ ก็ต้องบอกว่ากัดฟันจองตัวท๊อปไปเถิดครับ เพราะถือเป็นรุ่นที่คุ้มค่า คุ้มราคากว่าอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนเรื่องอื่น ๆ คงต้องขอติดค้างเอาไว้ขับยาวกว่านี้ นานกว่านี้ก่อน แต่ใครอยากถามอะไรเพิ่มเติมก็ทิ้งคำถามกันไว้ได้นะครับ เผื่อตรงกับที่ไปลองมาสั้น ๆ พอดีจะได้มาวิพากษ์วิจารณ์กัน ไม่อย่างนั้นขอลองอีกทีหลังส่งมอบลูกค้าไปก่อนดีกว่า เผื่อเคลียร์เรื่องอื่น ๆ ที่ยังคาใจอยู่

ถึงตอนนั้นค่อยมาวิจารณ์กันละเอียด ๆ อีกทีละกัน...

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่

ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่