[Car in Focus] Honda Civic Hatchback ผสมผสานความอเนกประสงค์และความสปอร์ต Share this

[Car in Focus] Honda Civic Hatchback ผสมผสานความอเนกประสงค์และความสปอร์ต

Satapana
โดย Satapana
โพสต์เมื่อ 26 February 2560

เชื่อว่าคอรถยนต์หลายคนคงใจจดใจจ่อนับถอยหลังให้ถึงวันเปิดตัวฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็กในวันที่ 9 มีนาคมนี้ แต่ก่อนจะพบตัวจริง เรามาชมข้อมูลที่น่าสนใจของรถสุดเท่รุ่นนี้กันก่อนเลย

ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก 5 ประตูพัฒนาต่อยอดจากซีวิค เวอร์ชั่นซีดาน เจนเนอเรชั่นที่ 10 ออกจำหน่ายในหลายตลาดทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาซึ่งได้เสียงตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีเนื่องจากเป็นการหวนคืนตลาดอเมริกาของซีวิค ตัวถังแฮทช์แบ็กครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2003 นู่นเลยทีเดียว

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/civic-1.jpg

ถึงแม้จะมีพื้นที่ด้านท้ายเพิ่มขึ้น แต่ซีวิค แฮทช์แบ็กไม่ใช่รถที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ภายนอกในบางมุมมองมีความโดดเด่นและลงตัวยิ่งกว่าโฉมซีดาน โดยเฉพาะรุ่นสูงที่ติดตั้งบอดี้พาร์ทและการตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยแล้ว ยิ่งดูโฉบเฉี่ยวน่าขับมากยิ่งขึ้นไปอีก

คำโปรยในเว็บไซต์ของฮอนด้า อเมริการะบุว่าซีวิค แฮทช์แบ็กคือรถแนวสปอร์ตที่เป็นยิ่งกว่าความตื่นเต้นหรือ “The Edgy, Sporty Exterior Beyond Exciting” บ่งบอกชัดเจนถึงภาพลักษณ์ความปราดเปรียวและการขับขี่ที่สนุกสนานที่ทางฮอนด้าต้องการนำเสนอ ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซีวิค แฮทช์แบ็กมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย เริ่มจากรุ่นย่อมเยาสุด LX ไล่ขึ้นไปเป็น Sport, EX, EX-L จนถึงรุ่นท็อปไลน์  Sport Touring

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/honda-civic-2017-side.jpg

รูปลักษณ์ด้านหน้าคุ้นตาคอรถยนต์ชาวไทยโดยเฉพาะแฟนๆ ฮอนด้าเป็นอย่างดีเพราะคล้ายกับซีวิค ซีดาน กรอบไฟหน้ามาพร้อมเดย์ไทม์ไลท์แอลอีดีซึ่งกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถรุ่นใหม่ในปัจจุบันไปแล้วถึงแม้จะไม่ค่อยจำเป็นต่อการใช้งานในบ้านเราเท่าไหร่ก็ตาม

แต่มีรายละเอีบดหลายจุดที่แตกต่างจากรุ่นซีดาน อย่างช่องอากาศด้านหน้าและด้านหลังที่ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำขนาดใหญ่ลวดลายรังผึ้งที่ทำให้หน้าตาดูสปอร์ตยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าสังเกตให้ดีช่องดักอากาศที่แผงกันชนด้านหน้าจะดู “หลอกตา” ว่าเป็นช่องขนาดใหญ่แต่จริงๆแล้วมีขนาดเล็ก ยิ่งหันมาดูที่แผงกันชนหลังเหมือนจะไม่มีช่องใดๆ ด้วยซ้ำไป เหมือนกับว่าฮอนด้าจงใจออกแบบเพื่อเพิ่มสุนทรียภาพและความสวยงามเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ส่งผลต่อระบบวิศวกรรมหรือการขับขี่เท่าใดนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราอาจต้องชมรถตัวจริงกันอีกครั้ง

เส้นสายหลังคาค่อนข้างโค้งและลาดเอียงไปจนถึงบั้นท้าย มีสปอยเลอร์หลังที่ได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกรอบไฟท้ายรูปทรงตัว C อย่างลงตัว รุ่น Sport Touring ยังมาพร้อมบอดี้คิทสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีเข้ม ปลายท่อไอเสียคู่ไซส์ใหญ่ตรงกลางกันชน และการตกแต่งทั่วไปที่ดูหล่อเหลาเอาการ

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/honda-civic-2017-interior-1.jpg

เข้ามาภายในห้องโดยสาร การตกแต่งเน้นที่ความเคร่งขรึมด้วยการใช้สีดำเป็นหลัก มาตรวัดใช้หน้าจอดิจิตอลแสดงผลความเร็ว และเข็มอนาล็อกบอกรอบเครื่องยนต์ เกจ์น้ำมันและความร้อนใช้สีแดง พร้อมการแสดงผลการบริโภคน้ำมันตลอดเวลาขณะขับขี่ ขณะที่มาตรวัดระยะทางอยู่ด้านล่าง ส่วนพื้นห้องโดยสารมีแสงไฟสร้างบรรยากาศเพิ่มความรู้สึกหรูหรา

บนแผงแดชบอร์ดมีหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ คอนโซลกลางมีเบรกมือไฟฟ้าและช่องวางแก้วน้ำ ซีวิค แฮทช์แบ็กสเปกอเมริกายังมาพร้อม Wireless Charging Mat แผ่นชาร์จไฟฟ้าอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ แบบไร้สาย

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/civic-2.jpg

เบาะที่นั่งด้านหลังพับแยกส่วนได้แบบ 60/40 และปรับพับได้หลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระเพิ่มเติมอันเป็นจุดเด่นของฮอนด้ามานานแล้ว ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นรายนี้ยังเคลมว่าซีวิค แฮทช์แบ็กมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่กว้างขวางที่สุดในระดับเดียวกัน นั่นหมายถึงกว้างกว่าโฟล์คสวาเกน กอล์ฟ และเชฟโรเลต ครูซ แฮทช์แบ็กในแดนมะกัน

เบาะที่นั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางพร้อมมีระบบปรับอุณหภูมิได้สำหรับการขับขี่ในหน้าหนาว ระบบแอร์อัตโนมัติควบคุมแยกส่วนดูอัลโซน แหงนมองบนหลังคามีมูนรูฟควบคุมด้วยสวิทช์แบบวันทัช (One-Touch Power Moonroof) ซึ่งต้องลุ้นกันว่าฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทยจะติดตั้งมาให้ด้วยหรือไม่

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/civic-performance-earth-dreams-2x2.jpg

ขุมพลังขับเคลื่อนมีรุ่นเดียวคือบล็อกเบนซิน VTEC Turbo ขนาด 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร ไดเรคอินเจคชั่น พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ปรับบูสต์อยู่ที่ 16.5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว พละกำลังสูงสุดมีสองระดับ เริ่มที่ 174 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 167 ฟุตปอนด์ที่ 1,800 – 5,500 รอบต่อนาที

ส่วนรุ่น Sport และรุ่น Sport Touring จะมีพละกำลังมากกว่าเล็กน้อย 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 177 ฟุตปอนด์ที่ 1,900 – 5,000 รอบต่อนาที เรดไลน์หรือรอบเครื่องยนต์สูงสุดของทุกรุ่นย่อยจะอยู่ที่ 6,500 รอบต่อนาที

ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (เฉพาะรุ่น LX และรุ่น Sport) และเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่องซีวีที (LL-CVT) อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยของรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 14.0 กม.ต่อลิตร ขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติประหยัดกว่าเล็กน้อย 14.4 กม.ต่อลิตร (แต่รุ่นท็อป Sport Touring กินน้ำมันมากกว่าโดยมีตัวเลข 13.6 กม.ต่อลิตร)

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/honda-civic-2017-back.jpg

สำหรับระบบกันสะเทือนเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัทที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลังเหมือนเดิม แต่ที่น่าสนใจคือฮอนด้า อเมริกาโปรโมทว่าเป็นช่วงล่างที่เซ็ทอัพด้วยการ “ได้แรงบันดาลใจจากยุโรป”  อยู่คู่กับล้ออัลลอยที่มีทั้งขนาด 17 นิ้วและ 18 นิ้ว

ระบบความปลอดภัยอัดแน่นอยู่ภายใต้แพ็คเกจ Honda Sensing โดยระบบแอคทีฟหรือเชิงรุกมีทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน กล้องตรวจจับรอบคัน ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ระบบป้องกันการชนด้านหน้า และระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/honda-civic-2017-front-2.jpg

ส่วนระบบเชิงรับหรือแพสซีฟ เซฟตี้ ได้แก่โครงสร้างตัวถังนิรภัย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านนิรภัย รวมถึงระบบอิเลกทรอนิกช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมาย ทั้งระบบแสดงมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบรักษาช่องจราจร ครูสคอนโทรลแบบปรับความเร็วได้ และไฟสูงอัตโนมัติ

นับเป็นรถที่น่าสนใจมากทีเดียว ที่เหลือก็คงต้องลุ้นราคาค่าตัวกันว่าจะเชิญชวนให้ควักกระเป๋าจับจองมากน้อยเพียงใด หรือจะเป็นได้แค่รถที่ทางฮอนด้าหวังจะใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์เหมือนที่บางคนคาดการณ์ไว้

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ