นอกจากการบีบให้ค่ายรถอเมริกันมีฐานการผลิตในประเทศเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังต้องการส่งออกรถอเมริกันไปอีกหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่นเพิ่มเติม
เป้าหมายของผู้นำสหรัฐอเมริกาคนใหม่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะปฏิบัติได้จริง เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นยังคงยึดมั่นกับรถญี่ปุ่นหรือยุโรปมากกว่า ส่วนความต้องการใช้งานรถอเมริกันยังน้อยมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชื่อเสียงของอเมริกันในตลาดแดนปลาดิบไม่ได้โด่งดังหรือได้รับการยอมรับเท่าใดนัก
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า ลูกค้าชาวญี่ปุ่นยังมองรถอเมริกันว่า “ไม่น่าใช้งาน” เนื่องจากกินน้ำมันเยอะกว่ารถแบรนด์อื่น ถึงแม้จริงๆ แล้วรถสัญชาติอเมริกันบางรุ่นได้รับการพัฒนาจนมีความประหยัดเทียบเท่ารถญี่ปุ่นแล้วก็ตาม แต่ก็นับเป็นทัศนคติแง่ลบที่ฝังแน่นมายาวนานแล้ว
ลูกค้าชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า มาซูอิ ซึ่งเป็นเจ้าของรถคลาสสิกฟอร์ด โมเดล ทีให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า “รถอเมริกันเคยมีภาพลักษณ์ไม่ดี กินน้ำมันจุ และพังง่าย แต่จริงๆปัจจุบันรถอเมริกันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว กระนั้นดีลเลอร์อเมริกันก็ไม่พยายามชักจูงลูกค้า ผมไม่เคยเห็นโฆษณาทางทีวีเลย หรือเมื่อไปเที่ยวชมงานมอเตอร์โชว์ก็ไม่เห็นรถอเมริกัน”
ในปี 2016 ยอดจำหน่ายรถยนต์และรถกระบะน้ำหนักเบาในญี่ปุ่นอยู่ที่ 5 ล้านคัน แต่ยอดขายรถอเมริกันมีเพียง 15,000 คันเท่านั้น เมื่อเทียบกับแล้ว ดีลเลอร์แห่งเดียวของโตโยต้าในแคลิฟอร์เนียยังขายรถตลอดทั้งปีมากกว่ารถอเมริกันทั้งหมดในญี่ปุ่นเสียอีก
เคนจิ โคบายาชิ ผู้อำนวยการของสมาคมผู้นำเข้ารถแห่งญี่ปุ่นเชื่อว่า บริษัทผู้ผลิตรถอเมริกาไม่ได้ให้คุณค่าแก่ตลาดญี่ปุ่นเท่าที่ควร มีแคมเปญโฆษณาไม่กี่ตัวเท่านั้นในประเทศ ส่วนแบรนด์รถอเมริกันก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะพัฒนารถให้สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของญี่ปุ่น
เมื่อกลับมามองที่นโยบายของทรัมป์ ดูแล้วต้องได้รับความร่วมมือจากบรรดาค่ายรถอย่างฟอร์ด เจนเนอรัล มอเตอร์ส และไครสเลอร์ด้วย เพื่อที่จะเปิดตลาดญี่ปุ่นให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น