สัมผัสการขับขี่รถยนต์นั่งขนาดเล็กขวัญใจวัยรุ่นอย่าง มาสด้า 2 (Mazda 2) รุ่นปรับโฉมปี 2017 ที่ยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ตสวยงาม สมรรถนะจี๊ดจ๊าด และเพิ่มเติมเทคโนโลยีแน่นคันไม่ว่าจะเป็น GVC รวมไปถึง ระบบ i-ACTIVSENSE ที่ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างคุ้มค่าคุ้มราคาเลยทีเดียว
กลับมาพับกันอีกครั้งกับสัมผัสแรกกับการทดสอบการขับขี่ รถยนต์นั่งขนาดเล็กขวัญใจมหาชนอย่าง มาสด้า 2 ซึ่งได้รับความนิยมสูงมากเนินนาน ด้วยความที่เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มีการออกแบบโดนใจวัยรุ่น รวมไปถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ไว้ใจได้ ยิ่งในรุ่นใหม่ที่หันมาใช้การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ยิ่งทำให้สวยงามมากยิ่งขึ้น
โดยในวันนี้ทีมงานออโต้สปินน์ได้มีโอกาสเข้าร่วมทริปการทดสอบรถยนต์ มาสด้า 2 รุ่นปรับโฉมปี 2017 ซึ่งเรียกได้ว่ายังมาพร้อมความสปอร์ตปราดเปรียว สมรรถนะยอดเยี่ยมเช่นเคยแต่เพิ่มเติมออพชั่นจัดเต็มคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้นด้วยออพชั่นที่อัดมาแน่นๆ คัน
สำหรับเส้นทางการทดสอบ มาสด้า 2 ในวันนี้ คือเส้นทาง กรุงเทพฯ - พัทยา แม้จะมีระยะทางไม่ไกลเท่าไรนักแต่ก็พอจะทำให้ทราบถึงสมรรถนะการขับขี่เจ้าน้องเล็กตัวจี๊ดคันนี้ได้พอสมควรเลยทีเดียว
ภายนอกปรับใหม่เล็กน้อย ยังคงเน้นเอกลักษณ์ โคโดะดีไซน์ ที่สปอร์ตสวยงาม
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกเจ้าน้องเล็กอย่างมาสด้า 2 รุ่นปรับโฉมใหม่คคันนี้หากมองผ่านๆ อาจไม่ทราบว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่แท้จริงแล้วมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องการออกแบบกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่ใช้สีเทาเมทัลลิก
ชุดกรอบไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่หมดจดพร้อมแผงไฟ LED กรอบโครเมี่ยมมีการปรับปรุงพื้นผิวและสีวัสดุที่ใช้ ทางด้านเสาอากาศบริเวณหลังคาส่วนหลังมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปแบบคลีบปลาฉลาม ให้ความสปอร์ต สวยงามมากกยิ่งขึ้น
ถัดมาทางด้านล้อมีการเปลี่ยนแปลงสีล้ออัลลอยด์ ทั้งในรุ่นขนาด 15 นิ้ว รวมไปถึง 16 นิ้ว ในส่วนด้านท้ายรถยนต์ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนใดๆ เพิ่มเติมเนื่องจากการออกแบบตาม โคโดะดีไซน์ มีความทันสมัยและล้ำหน้าเข้ากับรูปลักษณ์โดยรวมอยู่แล้ว
โดยรุ่นปรับโฉมปีนี้มีการปรับเปลี่ยนชุดโคมไฟหน้าที่มาพร้อมเส้น Day-Time Running Light จากก่อนจะได้เฉพาะตัวท็อปดีเซลเท่านั้น ในรุ่นนี้มีการเพิ่มเติมสู่ตัวท็อปเบนซิน แล้วเพื่อความสวยงามและความคุ้มค่า
ภายในปรับใหม่เล็กๆ เช่นกัน เพิ่มเติมความสปอร์ตด้วยพวงมาลัยดีไซน์ใหม่
มาทางด้านภายใน มาสด้า 2 โฉมปี 2017 มีการปรับเปลี่ยน การดีไซน์พวงมาลัยใหม่ที่มีการลดขนาดก้านด้านล่างที่เป็นโครเมี่ยม รวมไปถึงการดีไซน์ก้านใหม่ทั้งหมด ทำให้โดยรวมๆ มีความสปอร์ต สวยงามและกระชับมือมากยิ่งขึ้น
ทางด้านแผงคอนโซลต่างๆ ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนการออกแบบหรือเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น รวมไปถึงชุดเบาะนั่งทั้งฝั่งผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านท้ายเช่นกันที่ยังคงยกการออกแบบเดิมมาทั้งชุด ด้วยเบาะที่ออกแบบที่ค่อนข้างกระชับทำให้รู้สึกมั่นใจเมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
โดยรวมๆ ยังเหมือนเดิมคือเน้นความกระชับ เน้นผู้ขับขี่เป็นหลักจากการออกแบบต่างๆ ของมาสด้า ที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สักเป็นส่วนหนึ่งกับรถยนต์มากที่สุด วัสดุที่เลือกใช้และการประกอบค่อนข้างทำได้ดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนรถมีราคา
แต่ปัญหาเดิมคือขนาดห้องโดยสารโดยรวมที่ยังคงเล็กหากเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน ซึ่งหากใครซื้อเพื่อใช้งานเพียง 1-2 คน หรือเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ยังมีไฟ ก็คงไม่เป็นปัญหา แต่หากเป็นครอบครัวใหญ่ หรือมีผู้สูงอายุเบาะนั่งแถวหลังอาจไม่สบายเท่าที่ควรนักจากขนาดห้องโดยสาร รวมไปถึงเบาะนั่งที่ค่อนข้างกระชับและโอบรัดตัว
เครื่องยนต์จี๊ดจ๊าดสมตัวกับ เบนซิน 1.3 ลิตร และ ดีเซล 1.5 ลิตร เทอร์โบ
SKYACTIV-G 1.3 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1300cc เครื่องยนต์ เผาไหม้สมบูรณ์ที่สุดด้วยอัตราส่วนการอัดสูงถึง 12.0:1 ให้แรงม้าสูงถึง 93 แรงม้า และแรงบิดสูง 123 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม./ลิตร* ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำเพียง 100 กรัม/กม.* ผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษระดับ Euro 5 ของยุโรป
และ SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล เทคโนโลยีขั้นสูงที่ส่วนใหญ่มีอยู่ในรถยุโรปหรู ให้แรงบิดสูง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500cc พร้อมเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้อัตราเร่งด้วยแรงบิดสูงถึง 250 นิวตัน-เมตร
พร้อมหัวฉีดโซลีนอยด์ ที่ฉีดน้ำมันได้แม่นยำ มีประสิทธิภาพและอัตราส่วนการอัดต่ำเพียง 14.8:1 เผาไหม้หมดจด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานมลพิษ Euro 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำเพียง 100 กรัม/กม.โดดเด่นที่สุดเรื่องการประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร*
จากการทดสอบการขับขี่เครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบ ผลออกมาตามที่คาดไว้ คือ เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร เทอร์โบ มีตีนต้นที่ค่อนข้างจี๊ดจ๊าด การออกตัว การเร่งแซงค่อนข้างคล่องตัวทำให้การขับขี่รู้สึกถึงความคล่องและความเบาของรถ แต่ในช่วงความเร็วที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป จะเริ่มตื้อๆ มีการไต่ความเร็วขึ้นที่ช้าลง ตามสไตล์เครื่องยนต์ดีเซล
และสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร แม้จะมาพร้อมความจุเพียง 1.3 ลิตร แต่สมรรถนะเริ่มต้นที่การออกตัว และการเร่งแซง แม้จะไม่จี๊ดจ๊าดเท่าเครื่องยนต์ดีเซล แต่ต้องบอกเลยว่าไม่อืดอาด สามารถขับขี่ที่สนุกสนานได้ โดยในทริปคันที่ผมได้ทดสอบนั่งด้วยกันถึง 3 คน พร้อมสัมภาระ
เจ้ามาสด้า 2 ก็ไม่มีอาการความอืดอาดแสดงให้เห็น สามารถออกตัวเร่งแซงได้อย่างใจ แต่ไม่เท่า เครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น แต่ในช่วงตีนปลายที่ความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต้องบอกเลยว่า เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ไหลกว่าดีเซล แม้จะมีอาการตื้อๆ ให้เห็นบ้างเนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่มีความจุเพียง 1.3 ลิตร
เรื่องเทคโนโลยีไม่พูดถึงไม่ได้เพราะใส่มาจัดเต็มจริงๆ ทำให้การขับขี่สนุกและมั่นใจสุดๆ
ทางด้านออพชั่นหลักๆ ที่่เป็นไฮไลท์ของการปรับโฉมปีนี้ของมาสด้า 2 คงหนีไม่พ้นการเพิ่มเติมระบบและเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่างๆ มาแน่นคันไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก i-ACTIVSENSE เทคโนโลยีเชื่อมต่อกับโลกโซเชียลด้วย MZD CONNECT เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
ระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ i-ELOOP ทำงานควบคู่กับระบบ i-Stop และล่าสุดระบบ G-VECTORING CONTROL หรือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หนึ่งในชุดเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS นี่คือการสร้างมาตรฐานใหม่กับตลาดรถยนต์นั่งบี-คาร์และรถอีโคคาร์
แน่นๆ กับออพชั่นทั้ง ระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ i-ELOOP (Mazda Regenerative Braking System) ไอ-อีลูป นวัตกรรมของมาสด้าที่พัฒนาได้เทียบเท่าเทคโนโลยีรถยุโรประดับพรีเมียม โดยระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการลดความเร็วให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้เลี้ยงระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ภายในรถ ซึ่งทำให้พลังงานจากเครื่องยนต์ถูกใช้ในการขับเคลื่อนของรถได้อย่างเต็มที่ ช่วยประหยัดพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ถึง 10%***
ระบบ i-STOP (Idling Stop System) ระบบประหยัดน้ำมันที่สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่ง ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังคงทำงานตามปกติ ด้วยพลังงานไฟฟ้าจาก i-ELOOP ทั้ง สองระบบทำงานคู่กัน เพื่อประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเครื่องยนต์จะทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อรถพร้อมออกตัว
ระบบ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยส่งสัญญาณเตือน หากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กําลังแซงขึ้นมา และอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น
ระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง ซึ่งจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมไฟกะพริบเตือนที่กระจกมองข้างในขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง
และระบบ G-VECTORING CONTROL หรือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ ที่ใส่มาในรุ่นพี่อย่าง มาสด้า 3 รุ่นปรับโฉมเช่นเดียวกันโดยน้องเล็กอย่างมาสด้า 2 รุ่นนี้ก็ถูกบรรจุระบบนี้เพิ่มเติมความสนุกสนานและความมั่นใจการขับขี่
โดยระบบจะตรวจจับรถยนต์เมื่อมีการเข้าโค้ง แรงบิดรวมไปถึงแรงโน้มถ่วงของรถยนต์จะถูกส่งไปบริเวณล้อหน้ารถยนต์ทำให้รถมีการจิกโค้งมากยิ่งขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและง่ายดาย ไม่ต้องแก้พวงมาลัยบ่อยๆ รวมไปถึงลดการโครงตัวของรถยนต์ด้วย
และเมื่อระบบตรวจจับองศาของพวงมาลัยที่กลับสู่การขับขี่แบบปรกติ แรงบิดจากเครื่องยนต์รวมไปถึงแรงโน้มถ่วงจากน้ำหนักรถยนต์จะกลับสู่ปรกติหรือลงสู่ล้อหลังแทนทำให้เสถียรภาพของรถยนตค่อนข้างแน่นไว้ใจได้ ระบบนี้จะไม่มีการแสดงโชว์เนื่องจากมีการทำงานตลอดเวลาทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ รวมไปถึงความเร็วสูง
จากการทดสอบระบบต่างๆ ที่มีมาให้ทั้ง ABSM ค่อนข้างทำงานได้ไว และจำเป็นเพราะการขับขี่บางช่วงเรามีการเผลอระบบก็เตื่อนให้เราหันมาสนใจได้ แต่ที่โดนใจคือ GVC หรือ G-VECTORING CONTROL ที่ทำให้รถขับสนุก เร้าใจ มั่นใจมากขึ้นจริงๆ โดยการทำงานตามที่กล่าวไปข้างต้น
ซึ่งโดยรวมถือเป็นรถนั่งขนาดเล็กที่มีออพชั่นมากที่สุด ณ ตอนนี้ และเป็นรถที่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ซึ่งในส่วนสมรรถนะทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่างในส่วนนี้ไม่ต่องเป็นห่วงเพราะ มาสด้า 2 ทำมาได้ดีค่อนข้างมากเลยทีเดียว ที่เหลือก็แล้วแต่คุณผู้อ่านที่น่ารักแล้วว่าจะชอบหรือไม่ แต่แนะนำอยากให้ลองทดสอบด้วยตนเองอีกครั้งนะครับ
ขอขอบคุณบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับทริปการทดสอบ มาสด้า 2 ในครั้งนี้ด้วยครับ
ทดสอบและเขียนรีวิวโดย Peerapat.H
ติดตามข่าวสารอัพเดตเพิ่มเติม ได้ที่นี่
ค้นหารถยนต์มือสองสภาพดีการันตีจาก วันทูคาร์ ได้ที่นี่
ความคิดเห็น