[1st Impression] Honda CR-V 1.6 i-DTEC สร้างบาลานซ์ครั้งใหม่ในคราบเอสยูวี Share this

[1st Impression] Honda CR-V 1.6 i-DTEC สร้างบาลานซ์ครั้งใหม่ในคราบเอสยูวี

Golf Autospinn
โดย Golf Autospinn
โพสต์เมื่อ 15 March 2560

ก่อนที่จะเปิดตัวฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่นใหม่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ฮอนด้าก็ได้จัดการทดสอบเล็ก ๆ ให้กับรถรุ่นนี้เป็นน้ำจิ้ม โดยยกขบวนสื่อมวลชนไทยบินลัดฟ้ามาทดสอบกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จ.บุรีรัมย์

เอาเป็นว่าฮอนด้าในยุคหลัง ๆ เริ่มใช้วิธีการทดสอบรถก่อนเปิดตัวบ่อยขึ้น ก่อนหน้านี้ก็เป็นเจ้าฮอนด้า ซีวิค ที่เรียกกระแสไปได้มากพอสมควร งานนี้ ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่นท๊อปที่จอดรอให้ทดสอบอยู่ จะเรียกความประทับใจจากการขับเพียง 2 รอบสนามได้มากน้อยเพียงใดก่อนเปิดตัว

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ถือเป็นรถยนต์ยอดนิยมของฮอนด้าอีกรุ่นหนึ่งที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2539 และมียอดจำหน่ายสะสมของ 4 เจนเนอเรชั่นแรกไปใน 130 ประเทศทั่วโลกมากกว่า 8.3 ล้านคัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทยของเรานี่เองที่เป็นตลาดหลัก

โคจิ ฮิราโนะ หนึ่งในทีมงานของฮอนด้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาเอสยูวี เจนเนอเรชั่นที่ 5 ในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซล และเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลของฮอนด้ามาตั้งแต่แรก บอกว่าเป้าหมายในการพัฒนารถรุ่นล่าสุดนี้ก็คือการสร้างเอสยูวีที่จะอยู่ในใจผู้บริโภคตลอดไป

6

ซีอาร์-วีในเจนเนอเรชั่นที่ 3 และ 4 นั้น ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอเมริกาเหนือเป็นหลัก แต่ในรุ่นนี้เราได้รวบรวมความต้องการที่หลากหลายจากตลาดทั่วโลก เพื่อทำการพัฒนารถที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดเอสยูวีได้อีกครั้ง

ฮิราโนะอธิบายถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ ไล่ไปตั้งแต่ภายนอกที่นำแนวคิด Modern Functional Dynamic มาใช้ เน้นไปที่การออกแบบกรอบไฟหน้าแนวกว้างและมีความเฉียบคม เพื่อให้ได้ด้านหน้าจของรถที่หรูหรา โดดเด่นและมองเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นซีอาร์-วี

ขณะที่ห้องโดยสารภายในมาพร้อมแนวคิด Urban BASE beautility ที่เน้นความสวยงามที่ใช้งานได้จริง โดยออกแบบให้เน้นความโปร่ง สบาย อบอุ่น แต่แฝงไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ และแน่นอนว่าต้องมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าคนขับและตำแหน่งกึ่งกลางคอนโซล

12

เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เครื่องยนต์ 2.4 ลิตรที่มาพร้อมเกียร์ซีวีทีที่ได้รับการปรับให้ทำงานได้ดีที่รอบต่ำ ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 1.6 ลิตรรุ่นใหม่ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด โดยต่างมีเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 2 ล้อและขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก

ไฮไลท์ของวันนี้อยู่ที่เจ้าเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 1.6 ลิตร ที่ติดตั้งอยู่บนแพลตฟอร์มรุ่นใหม่ล่าสุด แม้จะพัฒนาต่อเนื่องมาจากรุ่นที่ใช้ในยุโรป แต่ก็ได้รับการจูนให้เหมาะสมกับตลาดประเทศไทยทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เพื่อให้ได้การขับขี่ที่ดีเยี่ยม แต่ประหยัดน้ำมันและปล่อยไอเสียต่ำ

เครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ 2 สเตจ ระบบไอเดิลลิงสต๊อป เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดรุ่นใหม่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า

11

ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้งาน เพราะหากต้องการเข้าเกียร์เดินหน้าก็กดปุ่ม D กดซ้ำอีกทีจะเข้าโหมด S ถอยหลังด้วยการดึงแป้นตรงตัว R และยังมีระบบปลดเกียร์ไฟฟ้ายามจอด เพื่อให้สามรถเข็นรถที่จอดขวางชาวบ้านชาวช่องไว้ได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่ดีไม่น้อย

ช่วงล่างมาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ที่มีศูนย์ถ่วงต่ำ และพัฒนาห้องโดยสารให้มีความกว้างขวางเพียงพอต่อการรองรับเก้าอี้ 7 ที่นั่ง ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท หลังใช้ระบบอี-ไทป์ มัลติลิงค์แบบใหม่ พร้อมเพิ่มขนาดยางเป็น 195/60R18

ติดตั้งระบบ Agile Handling Assist เป็นครั้งแรกที่ช่วยในการควบคุมรถ โดยจะทำงานประสานกับระบบอื่น ๆ เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ ลดระยะพวงมาลัยหมุนสุด ติดตั้งดิสก์เบรกใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยบูสเตอร์ไฟฟ้าใหม่ เพื่อให้ได้ระยะเบรกที่สั้นขึ้นในทุกการเบรก

9

ขณะที่ระบบขับเคลื่อน Real Time AWD ก็พัฒนามากขึ้น ติดตั้งระบบอิเลกทรอนิกส์เพื่อควบคุมการทำงาน เพิ่มแรงบิดที่ล้อหลังอีก 10% และช่วยกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ในยามที่ต้องการ แถมยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก

ข้างบนทั้งหมดคือสิ่งที่ทีมงานฮอนด้าบรีฟก่อนให้ลงไปเดินเล่นรอบ ๆ ตัวรถ งานนี้ต้องบอกว่าฮอนด้าไม่ได้หวงรถเหมือนตอนซีวิคแล้ว แต่กลับปล่อยให้ทุกคนได้มีโอกาสมุดเข้ามุดออกรถคันที่จอดเอาไว้เฉย ๆ กันอย่างเต็มที่ แถมมีทีมงานทั้งไทยทั้งญี่ปุ่นเดินกันขวักไขว่รอบรถ

เรื่องแรกที่ต้องรู้เพิ่มก็คือนอกเหนือจากระบบเปิดประตูบานหลังจะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่นแล้ว ในรุ่นท๊อปยังมาพร้อมออพชั่นเปิดประตูด้วยการกวาดเท้าผ่านเซนเซอร์ที่ติดตั้งตำแหน่งใต้กึ่งกลางกันชนด้านหลัง เหมาะสำหรับพวกซื้อของเยอะ ๆ แล้วไม่มีมือกดเปิดประตูมาก

1

การจัดเรียงเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ไม่ได้ลดหลั่นกันเป็นที่นั่งในโรงหนัง จุดขายก็คือการพับเรียบให้ต่อเนื่องกันไปได้ถึงเบาะแถวหน้า ซึ่งทำให้สามารถขนสัมภาระทรงยาวได้ แถมด้านท้ายยังมีแผ่นกระดานที่ทำให้ห้องเก็บของกลายเป็นพื้นราบทั้งคัน หรือจะเอาไว้แบ่งโซนเก็บรองเท้าก็ย่อมได้

การมุดเข้าไปนั่งในแถวตอนที่ 3 นั้นทำได้ยากเอาเรื่อง เพราะตัวรถเองก็มีขนาดค่อนข้างสูง หากจะเข้าไปนั่ง แน่นอนว่าเบาะแถว 2 ต้องผลักดันไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาให้ผู้โดยสารตอนหลัง ก็จะทำให้ห้องโดยสารส่วนกลางเกิดอาการเข่าติดเบาะเล็กน้อย

เบาะตอน 3 นั้นเป็นข้อถกเถียงกันพอสมควรว่ามันสบายหรือไม่ โดยส่วนตัวที่มุดเข้าไปนั่งก็พบว่ายังมีเฮดรูมเหลืออยู่เล็กน้อย แต่ใครสูงสัก 175-180 คงเริ่มหัวติด ตำแหน่งวางเข่าชันไปสักนิด เห็นท่าว่าถ้านั่งนาน ๆ ไม่ต้องมาก ก็น่าจะเกิดอาการเมื่อยขาอยู่เอาเรื่อง

10

ขณะที่เบาะที่นั่งแถว 2 และแถวหน้านั้นไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเข้าออก หรือการรองรับแผ่นหลังและช่วงเข่าที่ถือว่าสอบผ่าน แต่เดี๋ยวขอรอตอนทดสอบแบบเต็ม ๆ กันอีกครั้งว่าถ้านั่งไปนาน ๆ มาก ๆ แล้ว จะมีข้อติอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านี้หรือไม่

แผงคอนโซลหน้าและจอแสดงผลนั้นได้รับกลิ่นอายจากบรรดาน้อง ๆ ที่เปิดตัวไปก่อน ตัวการแสดงผลชัดเจนสวยงาม โดดเด่นด้วยระบบเกียร์แบบใหม่ที่เป็นปุ่มกดกด และเพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยระบบปลดเกียร์ไฟฟ้า เพื่อให้สามารถจอดรถคันนี้ขวางรถคันอื่นได้ในกรณีเร่งด่วน

ฮอนด้าติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 จุดให้กับรถรุ่นนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ประกอบไปด้วย ถุงลมคู่หน้า ถุงลมเข่าสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และม่านถุงลมเหนือศีรษะที่พาดยาวไปตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงตำแหน่งเบาะนั่งด้านหลังสุด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นยามเกิดอุบัติเหตุ

3

ขณะที่ระบบปรับอากาศนั้นก็มีให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยระบบปรับอากาศสำหรับพื้นที่ตอนหลังจะแบ่งกันใช้ โดยมีการติดตั้งคอยล์เย็นที่ด้านท้ายของรถเพิ่มอีก 1 จุด เพื่อเพิ่มความเย็นสบายให้กับผู้โดยสารทั้งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 สามารถเดินทางได้อย่างสบาย

ผมมีโอกาสได้นั่งด้านหลังรถ 2 รอบสนามจากการเป็นผู้โดยสารก่อกวนคนขับคนอื่น งานนี้ต้องบอกว่าฮอนด้าเซตอัพช่วงล่างมาอย่างเนี๊ยบ การวิ่งทำความเร็วผ่านโค้งของสนามช้างเป็นไปได้แบบเรียบ ๆ ไม่มีอะไรหวือหวา แถมการเก็บเสียงก็ถือว่าเงียบสนิทไร้การก่อกวน

เมื่อถึงเวลาที่ผมได้ลองขับบ้าง ปรากฎว่าทีมงานคงกลัวจะดึกเกินไป ก็เลยเดินเอากุญแจรถคันที่จอดโชว์อยู่เงียบ ๆ มาตั้งแต่ต้นมาใส่มือ แล้วบอกให้ขับคันนี้ออกไปได้เลย สัมผัสแรกที่กดคันเร่งพุ่งพรวดออกไปก็นึกในใจว่าไม่เลว ตีนต้นเหมาะกับการใช้งานในเมืองมาก

8

คุมความเร็วของรถวิ่งเข้าไลน์ของสนามเลาะไปตามโค้ง ยิ่งมั่นใจว่าช่วงล่างนี่ของจริง การถ่ายน้ำหนักของรถนั้นเป็นไปได้อย่างพอเหมาะลงตัว ไม่มีอาการหน้าดื้อหลังดึงอะไรให้เห็น แม้น้ำหนักเบาะที่เพิ่มมา 2 เบาะก็ดูจะเป็นภาระของด้านท้ายรถพอสมควร

วนมาครบ 1 ลอง กดปุ่มเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ตดูบ้าง ก็พบว่ารอบวิ่งฉิวขึ้นมาเล็กน้อย แต่บรรยากาศของการวิ่งกลับไม่ได้แตกต่างกันกันสักเท่าไร และก็พบอีกว่าเอาจริง ๆ การออกตัวที่ปรู๊ดปร๊าดนั้นไม่ได้ส่งกำลังต่อเนื่องไปด้วยความรู้สึกเดียวกันตลอดทุกย่านความเร็ว

การส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีอาการกระตุกให้เห็น จนหลาย ๆ คนออกปากว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่แตกต่างอะไรกับเกียร์ซีวีทีที่ฮอนด้าเคยใช้ก่อนหน้านี้ แต่เรื่องนี้ผมไม่ติดใจอะไร เพราะชื่นชอบความเรียบลื่นของเกียร์ตัวใหม่นี้อยู่พอสมควร

4

เอาเป็นว่าไอ้ความรู้สึกปรู๊ดปร๊าดที่ได้มาตอนแรกนั้น จะอยู่กับเราถึงความเร็วสัก 100 นิดนิด จากนั้นก็ดูเหมือนรถจะไม่หือไม่อืออะไร ทั้งที่ความเร็วยังพุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเรื่อย ๆ ซึ่งผมเก็บความรู้สึกนี่ไว้จนระทั่งได้คุยกับฮิราโนะซังอีกรอบตอนรับประทานอาหารค่ำ และมีคนถามเรื่องนี้ขึ้นมา

ฮิราโนะอธิบายว่าฮอนด้านั้น เซตอัพซีอาร์-วีใหม่ตามเทรนด์ของตลาดโลก โดยมีคีย์เวิร์ดที่สำคัญมากก็คือบาลานซ์เพื่อให้ได้รถที่ตอบสนองต่อการขับขี่ดี โดยที่ไม่ทิ้งเรื่องของการประหยัดน้ำมันและการปล่อยมลพิษที่เหมาะสม นั่นคือสาเหตุที่ไม่ได้เซตอัพรถโดยเน้นเรื่องสมรรถนะเพียงอย่างเดียว

หากมองไปที่เทรนด์ของโลก ก็จะพบว่าทิศทางการพัฒนารถยนต์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป อเมริกาเริ่มใช้เครื่องยนต์เล็กลง ญี่ปุ่นก็เช่นก้น ในยุโรปนั้น ทุกค่ายต่างให้ความสำคัญกับด้านสิ่งแวดล้อม และเราหวังว่าแนวโน้มของประเทศไทยในอนาคตก็จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน

5

เขายังอธิบายอีกว่า เรื่องการใช้เครื่องยนต์ขนาดที่พอเหมาะพอสม การเลือกใช้เทอร์โบคู่แทนที่จะใช้ซูเปอร์ชาร์จ รวมไปถึงการใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดตัวใหม่ที่ไร้รอยต่อนี้ หากมองไปในระยะยาว ๆ เชื่อว่าผู้บริโภคชาวไทยจะชื่นชอบมากกว่ารถรุ่นอื่น ๆ ของคู่แข่งอย่างแน่นอน

เอาล่ะนะครับ นี่ก็คือความรู้สึกคร่าว ๆ หลังจากขลุกกับรถมาพักใหญ่ ๆ มีโอกาสได้นั่ง 2 รอบ ขับอีก 2 รอบ ก็เป็นความรู้สึกคร่าว ๆ ก่อนการเปิดตัว เรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้อย่างแน่นอนก็คือ รถคันนี้พัฒนามาดีกว่ารุ่นเก่าเป็นอย่างมาก และมีอะไรใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอีกเพียบ

ฮอนด้าเตรียมเปิดตัวฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ในประเทศไทยในวันที่ 24 มีนาคม 2560 นี้ โดยจะมาพร้อม 4 รุ่นย่อยตามที่บอกไปแล้ว งานนี้สิ่งที่ต้องติดตามก็คือการตั้งราคาจำหน่ายของฮอนด้า ว่าจะทำออกมาได้น่าสนใจมากน้อยเพียงใด และจะโดนใจผู้บริโภคหรือไม่

แต่นี่คือการเปิดศึกเพื่อแย่งชิงบัลลังค์เอสยูวีอีกครั้งอย่างแท้จริง!!!

2

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่

ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ