กรมทางหลวงเตรียมว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาข้อกฎหมาย-รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนภายในปีนี้ ระบุหากปลดล็อคได้ เดินหน้าสร้างส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ รังสิต-บางปะอิน หลังออกแบบแล้วเสร็จ
ธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาข้อกฎหมายและรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน คาดว่าจะสามารถว่าจ้างบริษัทดังกล่าวได้ภายในปีนี้ โดยมีข้อกำหนดว่า บริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่รับสัมปทานโครงการทางยกระดับอุตราภิมุข(ดอนเมืองโทลล์เวย์) หรือบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง และไม่ใช่บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีอีเอ็ม) ที่สัมปทานโครงการทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพราะไม่ต้องการให้มีส่วนได้ส่วนเสียในส่วนนี้
สำหรับข้อกฎหมายหลักที่จะต้องพิจารณา หากทล.ต้องการสร้างส่วนต่อขยายโครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ จะติดขัดข้อสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท ทางยกระดับดอนเมืองหรือไม่ ส่วนอีกกรณีจะต้องพิจารณาสัญญาของโครงการทางด่วนอุดรรัถยาว่า ในสัญญามีการระบุถึงการห้ามแข่งขันกับโครงการอื่นหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษารายละเอียดประมาณ 1 ปี ก่อนสรุปผลรายงานทล.และหากผลการศึกษาดังกล่าวสรุปได้ว่า ทล.สามารถดำเนินการโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ จากรังสิต-บางปะอินได้ ทล.ก็จะเดินหน้าต่อ
ขั้นตอนต่อจากนั้น ทางทล.จะส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคมทราบ ก่อนเสนอคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการพีพีพี) พิจารณาเห็นชอบ จากนั้นคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2563 ถ้าไม่มีกระบวนการใดติดขัด ในปี 2565 ก็จะสามารถเปิดให้บริการได้ ส่วนค่าผ่านทางจะเป็นเท่าไรนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอผลการศึกษาจากบริษัทที่ปรึกษาก่อนว่า แนวโน้มการร่วมลงทุนแบบใดเป็นได้มากที่สุด ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ขณะนี้ได้ออกแบบก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ในขั้นตอนคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม
รายละเอียดเบื้องต้นโครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนต่อขยาย รังสิต-บางปะอิน ระยะทางประมาณ 17 กม. วงเงินค่าก่อสร้าง 3.05 หมื่นล้านบาท เริ่มจากจุดสิ้นสุดของทางยกระดับปัจจุบัน ประมาณกม. 34 ของถนนพหลโยธินไปสิ้นสุดโครงการ ประมาณ กม. 51 บริเวณแยกต่างระดับบางปะอิน เชื่อมต่อกับถนนเอเซีย ก่อสร้างเป็นทางยกระดับขนาด 3 ช่องจราจรต่อทิศทาง มีจุดขึ้นลง 7 จุด ได้แก่ ด่านโรงกษาปณ์ ,ด่านคลองหลวง,ด่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,ด่านนวนคร,ด่านมหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยลงกรณ์, ด่านประตูน้ำพระอินทร์และด่านบางปะอิน ซึ่งได้ประเมินไว้ว่า หากสร้างเสร็จจะสามารถ รองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นในปี 2582 ได้เป็น 1.46 แสนคันต่อวัน
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น