ยามาฮ่าประเทศไทยเปิดตัว ยามาฮ่า คิวบิ๊กซ์ สกู๊ตเตอร์สุดล้ำรุ่นใหม่ล่าสุดและเปิดราคา ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์15 โฉมใหม่ในงาน มอเตอร์โชว์2017 และก็เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนชาวไทยได้ทดสอบรถทั้งสองรุ่นใหม่พร้อมกันก่อนใครในโลก
การทดสอบในครั้งนี้อาจไม่ใช่การทดสอบที่จริงจังนักด้วยเวลาที่จำกัด รวมถึงสภาพฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจตั้งแต่ช่วงเช้าการการทดสอบ ทำให้เราต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่บนพื้นผิวที่เปียกและมีน้ำเจิงนอง แต่ก็พอจะได้ฟีลลิ่งในการขับขี่เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกัน
เริ่มที่ ยามาฮ่า คิวบิ๊กซ์ ออโตเมติคสุดล้ำคันใหม่ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์บลูคอร์ 125 ซีซี พร้อมเทคโนโลยีดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดนิ่งสนิทถึง 5 วินาที และแน่นอนว่าในรุ่นท็อปนั้นยังมาพร้อมกับระบบเบรกเอบีเอสเสียด้วย
สมรรถนะของเครื่องยนต์ 125 ซีซีบลูคอร์ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ ตอบรับกับขนาดตัวของคิวบิ๊กซ์ที่เล็กกระทัดรัด มีความคล่องตัวสูงในการขับหลบหลีกสิ่งกีดขวางการเปิดคันเร่งยาวๆ ในช่วงทางตรงเองก็ค่อนข้างมีเรี่ยวมีแรง ไร้กังวลสำหรับการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางไปทำงาน
ตำแหน่งท่านั่งเองก็ค่อนข้างกระชับ ผู้ขับขี่สูงราว 180 ซม. เข่าก็ไม่ได้ชนกับแผงบังลมด้านหน้าแต่อย่างใด เบาะนั่งออกแบบมารับกับก้นนั่งสบาย เรือนไมล์แบบดิจิตอลเองค่อนข้างเห็นชัดแม้กลางแดดจ้า
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิดหลังแบบโช้คคู่เท่าที่ได้ลองสั้นๆ ยังบอกได้ยาก บนถนนเรียบๆ ถือว่าค่อนข้างแน่นไม่ย้วยยวบยาบแต่ในรการใช้งานจริงคงต้องมารอดูกันอีกที
ดิสก์เบรกด้านหน้าถือว่าให้แรงเบรกที่เอาอยู่สำหรับรถจักรยานยนต์ไซส์นี้และปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อมีเอบีเอสในขณะดรัมเบรกหลังไม่ค่อยมีพละกำลังในการเบรกมากนัก
ยามาฮ่ายังเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยกล่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่ใส่หมวกกันน็อคได้ถึงสองใบ แต่ดูจากขนาดจริงแล้ว คาดว่าน่าจะใส่หมวกเต็มใบได้สักหนึ่งใบและน่าจะใบเล็กได้อีกหนึ่งก็คงแน่นเต็มกล่อง พร้อมช่องจ่ายไฟในที่เก็บของด้านซ้ายของบังลมด้านหน้า
สำหรับออพชั่นและราคาของ ยามาฮ่า คิวบิ๊กซ์ ติดตามได้จากข่าวเปิดตัว >>คลิกที่นี่
2017 ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์15 ได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดหัวจรดท้ายรวมถึงเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ขนาด 155 ซีซี พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผันนวัตกรรมสุดล้ำของยามาฮ๋าที่ช่วยเพิ่มพละกำลังให้กับตัวรถ
เช่นเคยด้วยระยะแทร็กที่สั้นและผิวแทร็กที่เปียกเราเลยทำได้แค่ลองให้มากที่สุดเท่าที่จะลองได้ สัมผัสเลยที่คร่อมเลยคือท่านั่งที่เปลี่ยนไป มีความเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการขับขี่ใช้งานมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่สปอร์ตมุดตูดโด่งถูกปรับให้มุดน้อยลง ขับขี่ได้สบายขึ้นแต่ยังไม่ทิ้งความเป็นสปอร์ตด้วยก้นโด่งๆ เชิดขึ้น
การปรับท่านั่งใหม่นี่ช่วยให้เราควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นในสภาวะที่ต้องซอกแซกในการใช้งานจริง แต่ไม่ต้องห่วงว่าท่านั่งจะไม่สวยไม่สปอร์ตหรือจะไปเปลี่ยนคลิปออนใหม่ให้หมอบขึ้นก็ตามใจ
เราะข้ามเรื่องความหล่ออย่างไฟหน้าคู่ขาวจั๊ว แฟริ่งคมๆ สุดเท่ เบาะนั่งสปอร์ตสองตอนเล่นระดับและท้ายที่เหมือนยกรุ่นใหญ่อย่าง อาร์1 และ อาร์6 และไฟท้ายสุดท้าย กับสวิงอาร์มดีไซน์เก๋ทิ้งไปแล้วมาเข้าเรื่องการขับขี่กันดีกว่า
สารภาพก่อนว่าเราไม่ขี่เกินไปกว่า 3 เกียร์อันที่จริงในแทร็กที่เตรียมไว้แค่สองเกียร์ก็เกินพอแต่เราต้องการเรียกออพชั่นใหม่อย่างสลิปเปอร์คลัทช์มาใช้หลังหมดทางตรง เราจึงจำเป็นต้องขยี้คันเร่งเพื่อเตะเกียร์ 3 ก่อนตบลงอย่างรวดเร็ว
สลิปเปอร์คลัทช์ของเจ้า ยามาฮ่า อาร์15 ถือว่าใช่ได้เลย อาการกระชากที่ควรจะมีถูกตัดหายไปพอสมควรก่อนที่จะต้องตั้งหลักพับรถ เราพยายามลองอีกครั้งในรอบที่สอง นั่นล่ะครับของดีในคลาส 150 ซีซี แต่หากมีโอกาสคงต้องเอาออกมาลองการใช้งานในสภาพจริงกันอีกสักที
ระหว่างที่เราลองเค้นคันเร่งเพื่อนจะใช้งานสลิปเปอร์คลัทช์เราพบว่าอัตราเร่งในรอบต้นของเครื่องยนต์นั้นดูไม่ค่อยจะมีกำลังและตะกุกตะกักไม่ทันใจไปเสียหน่อย
บางทีอาจเป็นเพราะของเด็ดของอยู่ที่รอบปลายเพราะเครื่องยนต์ของยามาฮ่ามาพร้อมกับเทคโนโลยีวาล์วแปรผันที่จะทำงานตั้งแต่ช่วงรอบเครื่องยนต์ที่ราว 7,500 รตน. ขึ้นไป ช่วยเพิ่มพละกำลังให้กับตัวรถและในกลุ่มสปอร์ต 150 ซีซี ยังถือเป็นอีกหนึ่งออพชั่นที่ อาร์15 โฉมใหม่เท่านั้นที่มี
นอกจากนี้ ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์15 โฉมใหม่ ยังให้ออพชั่นที่แฟนๆ ต้องกรีดร้องอย่างโช้คหน้าหัวกลับ เรือนไมล์แบบดิจิตอลเต็มรูปแบบมาให้ในราคา 9.55 หมื่นบาท ราคาอาจจะดูแรงแต่ออพชั่นที่แถมก็ไม่ได้น้อยหน้าใครเลย
ติดตามทุกข่าวสารจากงาน Motor Show2017 คลิกที่นี่
อ่านข่าวอื่นที่น่าสนใจ คลิกที่นี่
LINE
ความคิดเห็น