สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปอร์เช่มีผลกำไรต่อการขายรถหนึ่งคันอยู่ที่ 17,250 เหรียญสหรัฐ แต่นั่นเทียบกันไม่ได้กับเฟอร์รารี่ที่มีกำไรเกือบ 90,000 เหรียญต่อการขายหนึ่งคัน
ยอดขายรถปอร์เช่อยู่ที่กว่า 238,000 คันในปี 2016 และมีผลกำไรจากการปฏิบัติงานอยู่ที่ 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 14% ส่วนผลกำไรสุทธิต่อการขายรถหนึ่งคันอยู่ที่ 17,250 เหรียญ (ราว 5.9 แสนบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ขณะที่เดมเลอร์ เอจี มีกำไรสุทธิต่อการขายรถหนึ่งคันที่ 5,000 เหรียญในปี 2016 ซึ่งใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่างบีเอ็มดับเบิลยู แต่เมื่อนำมาเทียบกับเฟอร์รารี่แล้วถือว่าห่างไกลลิบลับ เพราะค่ายรถซูเปอร์คาร์ตราม้าลำพองมีผลกำไรสุทธิเน้นๆ อยู่ที่เกือบ 90,000 เหรียญหรือราว 3.1 ล้านบาทต่อการขายรถหนึ่งคันในปี 2016
ผลกำไรดังกล่าวครอบคลุมทั้งอุปกรณ์ตกแต่ง เครื่องยนต์ และสวนสนุกในกรุงอาบูดาบีซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 30% ของการดำเนินธุรกิจทั้งหมดของเฟอร์รารี่ อย่างไรก็ตาม ยอดขายของเฟอร์รารี่จำกัดไว้ที่ 8,000 คันต่อปี
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ปอร์เช่เพิ่มยอดการผลิตสูงขึ้นถึง 47% ปัจจุบันมีสัดส่วนเท่ากับ 1 ใน 10 ของการผลิตทั้งหมดของบีเอ็มดับเบิลยู โดยรถปอร์เช่ที่มียอดขายสูงสุดคือ มาแคน เอสยูวี มีค่าตัวเริ่มต้นที่ 47,500 เหรียญและคิดเป็น 40% ของยอดขายทั้งหมดของปอร์เช่
โอลิเวอร์ บลูม ประธานใหญ่ของปอร์เช่กล่าวว่า “เรามุ่งเน้นที่การสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า ซึ่งนั่นไม่ได้หมายถึงการนำเสนอรถคุณภาพเยี่ยมแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแอคเซสซอรี่อย่างนาฬิกาแท็กฮอยเออร์ที่มีราคาสูงสุด 17,000 เหรียญ
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น