ทดสอบการขับขี่ นิสสันโน๊ต (Nissan Note) คอมแพ็คแฮทช์แบ็กน้องใหม่ล่าสุด ที่มีความโดดเด่นทั้งเรื่องความกว้างขวาง ความสารพัดประโยชน์ รวมไปถึงออพชั่นความปลอดภัยทีมีมาให้แบบจัดเต็ม กับการทดสอบขับขี่ กรุงเทพฯ-อัมพวา
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง นิสสัน ได้เชิญทีมงานออโต้สปินน์ ไปทดสอบการขับขี่ นิสสันโน๊ต มาแล้วแต่เป็นเพียงระยะทางสั้นๆ เพื่อทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่ภายในรถยนต์ และความสะดวกสบายความกว้างขวางของห้องโดยสาร
แต่ครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการทดสอบที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีระยะทางในการขับขี่ ทั้งบนทางด่วน ภายในเมือง และบริเวณทางเลนสวนที่มีพื้นที่น้อย เพื่อทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ รวมไปถึงความคล่องตัวที่มีใน นิสสันโน๊ต โดยการทดสอบครั้งนี้บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-อัมพวา กับระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ที่ได้ทดสอบกัน จะมีอะไรบ้างเชิญติดตามเลย
นิสสันโน๊ต ภายนอกโดดเด่น มีสไตล์ชัดเจน พร้อมออพชั่นเต็มๆ
ในส่วนการออกแบบภายนอกของ นิสสันโน๊ต ถือว่าโดยรวมเป็นรถยนต์คอมแพ็คแฮทช์แบ็กที่มีการออกแบบที่ลงตัว ทั้งการใช้งาน ความสวยงามสดใส และรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและมีสไตล์เป็นของตัวเอง
เริ่มที่กระจังหน้าออกแบบตามสไตล์ V-Motion ที่ไล่ลงมาตั้งแต่เส้นสายฝากระโปรงหน้าสอดรับการชุดโคมไฟหน้าลากยาวจนไปถึงกระจังหน้าที่ลากเข้ามาบรรจบกันเป็นลักษณ์ตัว V ทำให้มองจากด้านหน้ารถยนต์แล้วรู้สึกถึงความโฉบเฉี่ยวมีสไตล์
เพิ่มเติมความหรูด้วยกันชนด้านล่างแบบโครเมี่ยม ในส่วนชุดโคมไฟหน้ามาแบบ LED Projecter ปรับสูง-ต่ำ ได้ พร้อมไฟ LED Signature Light หรือไฟหรี่ที่มีการออกแบบตามสไตล์นิสสัน ให้ความโฉบเฉี่ยวโดดเด่น
ในส่วนด้านท้ายมองตรงๆ ค่อนข้างกว้าง ด้วยการออกแบบดีไซน์เส้นสายความโค้งของกันชนรวมไปถึงชุดโคมท้ายด้านหลังที่มาพร้อมหรูหราด้วยการใช้ไฟท้ายทั้งไฟเบรกรวมไปถึงไฟไกด์ไลท์แบบ LED ทั้งหมด ซึ่งโดยรวมถือว่า โดดเด่นและแปลกตาสวยงามหากพบเห็นบนท้องถนน
ภายในเรียบๆ โปร่งโล่งตา พวงมาลัยทรงใหม่ พื้นที่ช่วงขาตอนหลังเหลือเฟือแบบอลังการณ์ !!
เข้าใจไม่ผิดครับ ที่ผมพูดถึงพื้นช่วงขาของเบาะนั่งตอนหลัง ที่ต้องบอกเลยว่าอลังการณ์งานสร้างมากมาย เพราะตอนแรกแค่สังเกตุก็พอทราบถึงความกว้างและความยาวของพื้นที่วางขาตอนหลังแล้ว
แต่เมื่อผมได้ลองทดสอบเข้าไปนั่งนิสสันโน๊ตจริงๆ โดยที่เบาะหน้าไม่ได้ปรับให้เข้าไปใกล้ชิดสนิทกับคอนโซลแต่อย่างใด ยังอยู่ในระยะการใช้งานปรกติ ผลปรากฎคือพื้นที่ช่วงขาของผมเหลือจนแทบจะเอากระเป๋าเดินทางล้อลากขนาด 20 นิ้วเข้ามาวางต่อจากเข่าได้เลยทีเดียว กับความสูงโดยรวมของผมที่ประมาณ 173 เซนติเมตร ในส่วนเฮดรูมก็เหลือๆ เช่นเดียวกัน
กลับมาที่แผงคอนโซลกันก่อน ด้วยการดีไซน์ใหม่ที่เน้นความเรียบๆ แต่ก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบๆ ชุดแผงควบคุมระบบปรับอากาศอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะการออกแบบเช่นนี้ก็ใช้ใน นิสสัน อัลเมร่า มาก่อนแล้ว
มาทางด้านพวงมาลัยอีกสิ่งที่ผมประทับใจเพราะเป็นพวงมาลัยดีไซน์แบบใหม่ แบบ D-Shape ทีออกแบบแนวสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถยุโรป การจับกระชับมือเข้ามือ เมื่อทำการเลี้ยวก็จับได้ค่อนข้างถนัดผลจากด้านล่างพวงมาลัยที่ตัดตรงเหมือนรถสปอร์ต พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นควบคุมระบบเครื่องเสียงและระบบบลูทูธ
นิสสันโน๊ต มากับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร บล็อกเดิมเพิ่มเติมคือปรับเซ็ตใหม่ คล่องตัวมากขึ้น
มาทางด้านอีกประการที่หลายคนสงสัยและอยากทราบว่า เจ้านิสสันโน๊ต รุ่นนี้ จะไปไหวมั้ย เพราะได้ยกเครื่องยนต์จาก นิสสัน มาร์ช มาใช้ในตัวถังที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น คำตอบจากการทดสอบและสอบถามทีมงาน นิสสัน มาได้ความหลักๆ มาว่า
ทาง นิสสัน ได้นำเครื่องยนต์ของ มาร์ช มาปรับแต่งใหม่ปรับเปลี่ยนระบบจ่ายเชื้อเพลิงรวมไปถึงเซ็ตการทำงานใหม่ ทำให้โน๊ต มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงระบบเกียร์ CVT ที่ปรับใหม่เช่นกันเพิ่มเติมความสมูทและการทำงานที่ไหลลื่นมากขึ้น
จากการทดสอบการขับขี่ ซึ่งตอนแรกยอมรับว่าแอบคิดว่ามันจะอืดเหมือนกัน แต่ได้ทดสอบจริงๆ ก็ไม่อืดอย่างที่คิด การทำงานเต็มประสิทธิภาพตามความสามารถของเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ในช่วงเร่ง 60-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงค่อนข้างไหล การขับขี่นอกเมืองไว้ใจได้ แต่ในช่วงต้องการเร่งแซงต้องเผื่อจังหวะไว้สักเล็กน้อย
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จากการทดสอบขับขี่ด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่งโดยสาร 3 คน พร้อมสัมภาระ โดยในช่วงเริ่มเดินทางต้องผ่านการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น (บริเวณสาทร) ผลคือ โน๊ต สามารถทำอัตราการสิ้นเปลืองได้ประมาณ 17-18 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือว่าน่าพอใจเลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัยแน่นคัน ขนย้ายสัมภาระสุดสะดวกด้วยประตูเปิดได้ถึง 85 องศา รวมไปถึงความคล่องตัวที่ โน๊ต มีมาให้แบบจัดเต็ม
มาทางด้านออพชั่นจุดเด่นอีกประการของ นิสสัน โน๊ต ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบจัดเต็มทั้งระบบ AVM (Intelligent Around View Monitor) กล้องมองรอบทิศทาง ช่วยให้เห็นทุกจุดรอบคันจากการทำงานร่วมกันระหว่างกล้อง 4 ตัว
ระบบ MOD (Moving Object Detection) ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลเคลื่อนไหว ระบบ FCW (Intelligent Forward Collision Warning) ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า ซึ่งจะเตือนด้วยสัญญาณเสียง และมีสัญลักษณ์กระพริบบนหน้าปัด ช่วยมากในยามเราเผลอหรือละสายตาออกจากหน้ารถยนต์
รวมไปถึงระบบ Intellighnt Emergency Braking ที่จะทำงานร่วมกันระบบเตือนก่อนการชน โดยวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า และช่วยชะลอความเร็วและะหยุดรถอัตโนมัติ
นอกจากนี้ประตูคู่หลังของ นิสสันโน๊ต ยังถูกดีไซน์มาให้สามารถเปิดได้ถึง 3 ระดับเพื่อช่วยให้การขนย้ายและการเปิดเป็นได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงระยะการเปิดที่สามารถเปิดกว้างได้ถึง 85 องศา หรือเกือบจะตั้งฉากเลยทีเดียว
แน่นอนกับระยะพื้นที่ส่วนขาด้านหลังที่มีความยาว ทำให้สามารถขนย้ายสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ได้สบายๆ แน่นอน รวมไปถึงห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายก็มีความจุที่ค่อนข้างมากเช่นเดียวกันเมื่อพับเบาะลง แต่มีข้อเสียงอย่างเดียวคือ เบาะไม่สามารถพับให้เรียบไปกับพื้นท้ายได้
และการขับขี่ที่ค่อนข้างคล่องตัวจากการปรับเซ็ตน้ำหนักพวงมาลัยรวมไปถึงระยะวงเลี้ยวของ นิสสัน โน๊ต ที่ใช้วงเลี้ยวเพียง 5.2 เมตรเท่านั้น ซึ่งวันนี้ได้ทดสอบบนเส้นทาง 2 เลนสวน เส้นทางที่คดเคี้ยว ด้วยการทำงานจากเครื่องยนต์ และปัจจัยต่างๆ
โดยรวมถือว่าค่อนข้างจะคล่องตัวเลยทีเดียว เอาเป็นว่าคุณผู้หญิงกก็สามารถขับได้สบายๆ เลยทีเดียว แม้เจ้า โน๊ต จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่า นิสสัน มาร์ช แต่ก็ไม่ได้ทำให้การขับขี่ยากหรือลำบากกว่าเท่าไรนัก
สรุปรวมๆ ถือเป็น คอนแพ็คแฮทช์แบ็ก อีกรุ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจ โดยเฉพาะท่านที่ต้องการรถครอบครัวที่ชอบคความกว้างขวางในการโดยสาร เครื่องยนต์ก็มีพละกำลังที่พอดี ไม่ถึงกับปรู๊ดปร๊าดแต่ก็ไม่อืด
ระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยจัดเต็ม ช่วยเหลือการขับขี่ได้มาก การขนย้ายการเก็บสัมภาระก็สามารถทำได้สบายๆ กับราคาค่าตัวในรุ่นเริ่มต้นที่ 5.68 แสนบาท และ รุ่นท็อป (ที่วันนี้ได้ทดสอบ) กับราคา 6.4 แสนบาท
ขอขอบคุณบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับทริปการทดสอบ นิสสัน โน๊ต ในวันนี้ด้วยครับ
ทดสอบและเขียนรีวิวโดย Peerapat.H
ติดตามข่าวสารอัพเดตเพิ่มเติม ได้ที่นี่
ค้นหารถยนต์มือสองสภาพดีการันตีจาก วันทูคาร์ ได้ที่นี่
ความคิดเห็น