ในขณะที่บ้านเรายังคลุมเครือกับการใช้พื้นที่กระบะหลัง ฝั่งสหภาพยุโรปแสดงความชัดเจนว่าต้องการห้ามการใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลที่ปล่อยมลพิษมากกว่ารถประเภทอื่น
รัฐสภาของสหภาพยุโรปได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายที่จะปรับบริษัทรถยนต์ที่ไม่สามารถพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีมลพิษตามข้อกำหนดถึง 3 หมื่นยูโรต่อรถหนึ่งคัน ขณะเดียวกัน การตรวจสอบระดับมลพิษก็จะเน้นที่การใช้งานจริงมากกว่าการทดสอบในห้องแล็บซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย อย่างการใช้ซอฟต์แวร์บิดเบือนค่ามลพิษของโฟล์คสวาเกน
เอซ์บีตา เบียนเคาสกา ผู้ประสานงานฝ่ายอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปกล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับล่าสุดนี้จะทำให้รถดีเซลต้องสิ้นสุดการทำตลาดเร็วๆนี้ “รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลอาจยังคงอยู่ แต่เราก็มั่นใจว่าจะหายไปจากตลาดเร็วกว่าที่คิดแน่นอน”
นอกจากมาตรการของอียูแล้ว ด้านซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีของกรุงลอนดอนแห่งอังกฤษก็เพิ่งประกาศเก็บเงินรถที่ปล่อยมลพิษสูงที่ต้องการเข้ามาวิ่งใจกลางเมือง ก่อนที่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า รัฐบาลอังกฤษจะประกาศห้ามใช้รถดีเซลในอีก 35 เมืองทั่วประเทศ
เมื่อปีที่แล้ว หน่วยงานรัฐบาลของปารีส เม็กซิโกซิตี้ มาดริด และเอเธนส์ก็ประกาศแบนรถเครื่องยนต์ดีเซลไม่ให้เข้าสู่ใจกลางเมืองภายในปี 2025 เพื่อเพิ่มคุณภาพอากาศ
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ถึงแม้รถเครื่องยนต์ดีเซลจะให้ความประหยัด แต่ก็ปล่อยมลพิษออกสู่อากาศมาก โดยเฉพาะไนโตรเจนออกไซด์ที่เชื่อว่าเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรของผู้คนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น