เทสล่ามีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 47.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าฟอร์ดซึ่งมีมูลค่า 45.1 พันล้านเหรียญไปเรียบร้อยแล้ว จากการรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
เมื่อปีที่แล้ว เทสล่ามียอดขายรถไม่ถึง 8 หมื่นคัน ขณะที่ฟอร์ดเป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับสองของอเมริกาด้วยยอดขายถึง 6.7 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของเทสล่าพุ่งขึ้นถึงกว่า 5% เมื่อเปิดเผยตัวเลขยอดขาย 25,000 คันในไตรมาสแรกของปีนี้ (เกือบครึ่งเป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าอย่างโมเดล เอ็กซ์)
นักวิเคราะห์มองว่า เทสล่าจะเติบโตสูงขึ้นกว่านี้อีกเมื่อถึงเวลาเปิดตัวและส่งมอบโมเดล 3 รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นที่มีราคาจำหน่ายย่อมเยากว่ารถเทสล่ารุ่นอื่นๆ
เดฟ ซัลลิแวน นักวิเคราะห์ของออโตแปซิฟิกเปิดเผยว่า "นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจมายาวนานอย่างฟอร์ด อยู่ดีๆ จะมีมูลค่าบริษัทที่น้อยกว่าหรือเท่ากับบริษัทที่เพิ่งเกิดใหม่อย่างเทสล่า”
ทั้งนี้ เทสล่าเป็นแบรนด์ที่หลายคนให้การยอมรับในด้านนวัตกรรม พร้อมกับมีผู้บริหารที่พร้อมเป็นข่าวตลอดเวลาอย่างอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซึ่งเคยชี้ว่า เทสล่าอาจผลิตรถได้สูงถึง 5 แสนคันในปี 2018 ซึ่งความเห็นของเขาทำให้ราคาหุ้นของเทสล่าขยับสูงขึ้นทันทีถึงแม้จะยังไม่มีความแน่ชัดว่าเทสล่าจะผลิตรถถึงจำนวนนั้นได้จริง
ขณะเดียวกัน เทสล่ายังได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนมากมายเนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแคลิฟอร์เนียมีอนาคตที่สดใส และมีการดำเนินงานแบบสตาร์ทอัพที่รวดเร็วฉับไว ต่างจากฟอร์ดที่เป็นบริษัทเก่าแก่
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น