หลังจากเปิดตัวในประเทศไทยมาไม่นานนัก แบรนด์รถยนต์สี่ห่วงอย่างออดี้ (Audi) ก็เดินหน้ารับยอดจองจากแฟนพันธุ์แท้ไปแล้ว 200 กว่าคัน ก่อนที่จะจัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์อย่างเป็นทางการให้กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในช่วงสัปดาห์นี้นี่เอง
แน่นอนว่าเป็นการทดสอบครั้งแรก ไมซ์สเตอร์ เทคนิค เจ้าของโชว์รูมเพชรบุรีเลยจัดรถทดสอบมาเต็มที่ 10 คัน มาใน 6 รุ่นใหญ่ 9 รุ่นย่อย เรียกว่าขาดไปก็แค่ออดี้ อาร์8 และออดี้ คิว5 ที่ยังไม่มีรถเท่านั้น ที่เหลือจัดมาให้ทดสอบกันได้ตามอัธยาศัย
วิธีการจะได้ทดสอบก็ง่าย ๆ จับสลากกันไปว่าใครจะดวงดีเบอร์ไหน งานนี้ต้องบอกว่าออโต้สปินน์นั้นโชคดีพอตัว เพราะนั่งอยู่เฉย ๆ ปล่อยคนอื่นจับสลากกันไป รถคันสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือเจ้าออดี้ ทีที ที่แอบอยากลองอยู่เหมือนกันพอดี
เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราก็เลยจะรีวิวรถถึงออดี้ ทีที เจ้าของค่าตัว 3.199 ล้านบาทและรถยนต์คันที่ 2 ที่ได้ลองอย่างออดี้ คิว2 เอสยูวีเล็กที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่การตอบสนองของรถทั้ง 2 คันนี้ต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวบนท้องถนน
ต้องบอกก่อนว่านอกเหนือจากการสนับสนุนเรื่องรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ออดี้ ประเทศไทยยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ในเรื่องของการตั้งราคา ทำให้ราคาของทีทีลดเหลือ 3.199 ล้านบาทและคิว2 นั้นเคาะออกมาที่ 2.299 ล้านบาทเท่านั้น
เอ้ย!!! นี่มันราคาของรถยนต์นำเข้าแบบสำเร็จรูปทั้งคันที่ต้องเสียภาษีมหาโหด แต่ว่าทำราคาได้ไม่แพ้รถที่ผลิตในประเทศไทยเลยนะ แถมทั้ง 2 รุ่นก็มากันแบบเต็มพิกัดทั้งชุดแต่ง ของเล่นที่ให้มาอย่างพอเพียง เรียกว่าไมให้เสียชื่อของแบรนด์แต่อย่างใด
ออดี้ ทีที รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้นั้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1,984 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้าที่ 4,500-6,200 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเอส โทรนิกส์ 6 จังหวะ
มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาหรือระบบควอตโตรอันเลื่องชื่อ วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.3 วินาที หล่อลดลงไปนิดนึงด้วยล้อแมกซ์ขนาด 17 นิ้ว แต่มาพร้อมชุดแต่งภายนอกเอส ไลน์ ที่ให้มาเลยแบบไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่ม
ไฟหน้าแบบแอลอีดี พร้อมไฟเลี้ยวด้านหลังแบบไดยามิก ไลท์ แบบเคลื่อนที่ เดินเข้าห้องโดยสารอาจตกใจที่ไม่มีจอแสดงผลตรงกลางรถ ในขณะที่ตื่นตากับเบาะหนัง และปุ่มกดต่าง ๆ ที่ดูไม่ค่อยคุ้นมือสักเท่าใดนัก ต้องใช้เวลาปรับตัวมากพอสมควร
การเข้าออกจากตัวรถนั้นถือว่าไม่ยาก แค่ยืนข้างประตูแล้วหย่อนตัวลงไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประตูเปิดอ้าได้ค่อนข้างกว้าง เข้ามาเห็นคอกพิทครั้งแรกมีตื่นตะลึงเพราะมันดูสปอร์ตมาก และออดี้ชดเชยจอแสดงผลที่หายไป ด้วยจอแสดงผลด้านหลังพวงมาลัยขนาดใหญ่มาแทน
ด้านหลังของรถนั้นติดตั้งสปอยเลอร์แบบอัตโนมัติที่จะยกตัวขึ้นที่ความเร็วมากกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อขึ้นมาแล้วก็จะลดตัวเองที่ความเร็วต่ำกว่านั้น หรือจะกดให้ตั้งขึ้นมาสวย ๆ แบบแมนวลก็ได้เหมือนกัน ลองเล่นกันดูได้
โหมดการขับขี่ในทุกรุ่นมีให้เลือก 5 โหมด โหมดมาตรฐานจะเป็นโหมดออโต้ ที่เลือกปรับสภาพตามความเร็วและการขับขี่ หรือหากต้องการลองโหมดคอมฟอร์ต โหมดประหยัด (ในทีที???) หรือโหมดมันสะใจในโหมดไดนามิก ก็ได้เช่นกัน
โหมดสุดท้ายที่มีให้เลือกสำหรับผู้มีความละเอียดในหัวใจกับโหมดเฉพาะตัว ที่สามารถเลือกปรับเครื่องยนต์และเกียร์ พวงมาลัย ระบบช่วงล่างและเสียงของเครื่องยนต์ได้อย่างละ 4 รูปแบบตามความต้องการ ใครขยันปรับกันก็ตามสบายใจได้เลย
ตอนออกจากโชว์รูมกลับรถขึ้นทางด่วนนั้น เรียกว่าไปกันแบบเรื่อย ๆ ผมออกตัวไปอย่างสบาย ๆ ไมได้รีบ อาศัยความว่องไวคล่องแคล่วของรถมุดนำเพื่อนร่วมทางไปได้นิดเดียว ก็มีเสียงเรียกผ่านวิทยุสื่อสารทันที "ทีทีรอกันก่อนครับ รอก่อนครับ"
ต้องชมว่าทีมออดี้เซตอัพฟีลลิ่งของทีทีมาเป็นรถยนต์เพื่อความสนุกสนานในการขับขี่เป็นอย่างมาก การตอบสนองของเครื่องยนต์ พวงมาลัยและช่วงล่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในโหมดออโต้ก็ถือว่าสนุกสนานดีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง
ลองปรับไปที่โหมดไดนามิกกันบ้าง อาการของรถเปลี่ยนไปกระฉับกระเฉงมากขึ้น กดคันเร่งไปแล้วอาการหลังติดเบาะมีให้เห็นอย่างชัดเจน ความเร็วนั้นหากขับไปเรื่อย ๆ แบบไม่มองมาตรวัด ก้มมองอีกทีอาจจะเห็นตัวเลขแถว ๆ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ไม่ยาก
สิ่งที่ชอบมากสำหรับทีทีก็คือเสียงของเครื่องยนต์ที่ให้มาแบบปลุกเร้าประสาทในการขับขี่มาก ตำแหน่งการนั่งนั้นหากจัดวางให้เหมาะสมก็ถือเป็นตำแหน่งการนั่งที่สปอร์ตและไม่ทำให้เมื่อยหรือเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกลมากมาก
แม้จะเป็นรถยนต์ที่มีเบาะที่นั่งตอนหลัง แต่บอกเลยว่าอย่าคาดหวังว่าจะใช้งานได้จริง แต่คนขับทีทีก็คงไม่ได้แบกเพื่อนฝูงเดินทางไปไหนมาไหนอยู่แล้ว ถ้าแลกกับรถยนต์ที่ปราดเปรียว ช่วงล่างแน่น การตอบสนองด้านการขับขี่ไร้ที่ติ ก็น่าจะเพียงพอต่อการตัดสินใจ
โอเคล่ะ แต่ถ้าอยากได้รถที่ต้องขนคนมากมายไปไหนมาไหน ออดี้ก็มีทางเลือกอื่น ๆ ที่หลากหลาย แต่หากงบไม่มาก มีตังค์สองล้านต้น ๆ ออดี้ คิว2 เอสยูวีไซส์เล็กที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.4 ลิตรก็เป็นตัวเลือกอีกตัวที่เรียกเสียงฮือฮาได้หลังการขับขี่
เอาจริง ๆ ก็คือก่อนขึ้นขับรถคันนี้ไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องยนต์อะไร และรหัสหลังรุ่นก็ดูแปลกตา ยังเดา ๆ กันอยู่ว่าน่าจะใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เพราะการขับขี่จริง ก็ดูกระชากตัวถังไปบนท้องถนนได้อย่างสนุกสนานดีเหลือเกิน
ความแตกต่างที่เห็นชัดน่าจะเป็นเรื่องของการตกแต่งที่ไม่มีชุดแต่งเอส ไลน์มา จอแสดงผลที่ขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการตบแต่งภายในตัวรถที่ดูเหมือนจะลดความหรูหราและความสปอร์ตลงไปจากทีที แต่ก็มีอุปกรณ์ให้ใช้แบบครบครัน
การตอบสนองของเครื่องยนต์และคันเร่งเป็นไปอย่างพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน เรียกว่าเป็นรถที่ใช้งานได้อย่างง่ายดายบนท้องถนน แถมในจังหวะเร่ง ๆ นั่นเครื่องยนต์สามารถรีดกำลังออกมาได้อย่างสนุกสนาน ผสานการสับเกียร์ที่ค่อนข้างลงตัว
ในโหมดเฉพาะตัวของคิว2 สามารถปรับได้แค่ในส่วนของเครื่องยนต์และเกียร์ รวมไปถึงพวงมาลัยเท่านั้น แต่ในภาพรวมก็มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 5 โหมด ซึ่งโหมดออโต้และไดนามิกที่ลองนั้นไม่ได้มีความรู้สึกแตกต่างกันสักเท่าใดนัก
มาเห็นสเปกรถอีกทีตอนที่ทำไลฟ์ เอ้ย!!! นี่เรากำลังขับรถเครื่องยนต์เล็กอยู่หรอนี่ เพราะคิว2 คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1,395 ซีซีที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 250 แรงม้าที่ 2,500-3,500 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์เล็กแต่ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเอส โทรนิกส์ 7 จังหวะ สับกันแบบเนียน ๆ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.5 วินาที และมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์เหลือ 2 สูบที่ความเร็วต่ำเพื่อประหยัดน้ำมัน
เรียกว่าประทับใจกันคนละแบบสำหรับการรีวิวรถทีทีที่สปอร์ตสุด ๆ หรือคิว2 ที่ดูเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมืองสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ทั่วไป ซึ่งต้องการแบบไหนก็คงต้องพิจารณากันไปตามความต้องการและความเหมาะสมของเงินในบัญชี
จริง ๆ แล้วในทริปนี้มีโอกาสได้ลองออดี้ เอ4 ทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่นเครื่องยนต์สมรรถนะสูง แต่ก็เป็นการทดลองในช่วงเวลาสั้นมาก ๆ เอาไว้ยืมรถออกมาอีกทีดีกว่า จะได้รู้กันว่ารถยนต์นั่งขนาดเล็กของค่ายนี้มีความน่าสนใจขนาดไหน
แต่ต้องยอมรับว่าบรรดาสินค้าใหม่เหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจของการกลับมาอีกครั้งของแบรนด์สี่ห่วงในประเทศไทย ต้องมาดูว่าแผนการขยายโชว์รูม 10 แห่งใน 3 ปี จะเพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าหันมาเหลือคบหาและใช้งานรถหรูจากเยอรมนียี่ห้อนี้หรือไม่
ผมไม่ใช่หมอเดา แต่เชื่อว่าถ้าออดี้ตอบลูกค้าเรื่องการดูแลพวกเขาได้ เราคงเห็นรถยี่ห้อนี้วิ่งกันเยอะขึ้นบนท้องถนนเมืองไทยแน่นอน!!!
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่
ความคิดเห็น