[1st Impression] 2017 BMW 5-Series เนี๊ยบกว่าเดิม แน่นหนึบบนความสนุกสนาน... Share this

[1st Impression] 2017 BMW 5-Series เนี๊ยบกว่าเดิม แน่นหนึบบนความสนุกสนาน...

Golf Autospinn
โดย Golf Autospinn
โพสต์เมื่อ 17 May 2560

หลังจากเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 ในหลากหลายเครื่องยนต์ในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ ค่ายรถตราใบพัดฟ้าขาวก็ได้ฤกษ์จัดทริปทดสอบสั้น ๆ ให้กับสื่อมวลชนในประเทศไทยได้ลองกันแบบเป็นน้ำย่อยกันสักเล็กน้อย ว่าเรือธงรุ่นใหม่นี้มีดีมากน้อยเพียงใด

ในรุ่นที่ 1-6 นั้น รถคันนี้ถือเป็นหนึ่งในเรือธงของการทำตลาดทั่วโลก มีการติดตั้งเทคโนโลยีมากมายและการแตกไลน์ออกไปหลายรุปแบบตัวถัง โดยมียอดจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้รวมกันทั่วโลกมาแล้วกว่า 7.9 ล้านคัน ถือว่าเป็นยอดจำหน่ายที่ไม่ธรรมดา

สำหรับรุ่นใหม่ที่ทำตลาดอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบันนั้น ยังเป็นรุ่นนำเข้าแบบสำเร็จรูปทั้งคัน ซึ่งมีให้เลือกใน 3 รุ่นย่อย โดยแบ่งเป็นรุ่นท๊อปอย่าง 530ไอ เอ็มสปอร์ต และ 520ดี ที่มาพร้อมออพชั่นของห้องโดยสารแบบ 2 ทางเลือก แล้วแต่ลูกค้าต้องการว่าอยากได้หรูหราเบอร์ไหน

DSC_2852

บีเอ็มดับเบิลยูเองก็ไม่ได้ปกปิดแผนการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทยว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้อย่างแน่นอน แต่ก็ตั้งราคาและให้ออพชั่นมาอย่างน่าสนใจสำหรับรุ่นนำเข้า ที่วางราคาจำหน่ายในรุ่นท๊อปอย่าง 530ไอ ที่ 4.399 ล้านบาท

หรือหากจะให้ย่อมลงมาหน่อยก็มีทางเลือกในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่วางราคาจำหน่ายในรุ่นแพงกว่าที่ 3.899 ล้านบาท และรุ่นเริ่มต้นที่เปิดตัวมาใหม่ล่าสุดที่ 3.599 ล้านบาท น่าสนใจตรงที่ยอดจองช่วงแรกส่วนใหญ่ไหลไปที่รุ่นท๊อปหรือรุ่นแพงสุดเสียด้วย

ซีรี่ส์ 5 เจนเนอเรชั่นที่ 7 มาพร้อมรูปลักษณ์ตัวถังที่ใหญ่กว่าเดิมในทุกมิติ แต่ทำการรีดน้ำหนักลงไป 100 กิโลกรัมด้วยการปรับโลหะที่นำมาใช้ผลิตตัวถังด้วยการใช้แมกนีเซียมและอลูมิเนียมในหลายตำแหน่ง เพื่อให้ได้น้ำหนักเบาที่สุด

BMW 530i M Sport57

การปรับรูปทรงของตัวถังให้เพรียวลมพร้อมติดตั้งกระจังหน้าแบบปรับรับอากาศได้ ทำให้รถคันนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ 0.22 ต่ำที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน แถมกระจังหน้ายังช่วยให้รถคันนี้มีค่าไอเสียที่ต่ำลงไปกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าเมื่อเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ก็ต้องมาพร้อมกับรีโมตแบบใหม่ล่าสุดเหมือนที่ใช้ในลูกพี่อย่างซีรี่ส์-7 กับกุญแจ Display Key ที่สามารถสั่งเปิดแอร์และแสดงผลข้อมูลที่น่าสนใจของรถได้ในระยะของรถที่กำหนดเอาไว้ตั้งแต่ 0-300 เมตร

ล้อแมกซ์ลายเอ็ม สปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว ติดตั้งมาในรุ่นท๊อป ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเป็นล้ออัลลอย 18 นิ้ว โคมไฟหน้าแบบอัตโนมัติ กระจังหน้าแบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกแบบ LED ประตูแบบดูด ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

DSC_2782

ในรุ่นท๊อปมาพร้อมฝากระโปรงหลังแบบเปิด/ปิดอัตโนมัติแบบไร้การสัมผัส หลังคากระจกไฟฟ้า และชุดแต่งแบบเอ็ม สปอร์ต รอบคัน รวมถึงช่วงล่างแบบเอ็ม สปอร์ต ที่ต่ำลงกว่ารุ่นดีเซล 10 มิลลิเมตร แต่ให้สัมผัสการควบคุมและการเบรกที่เหนือกว่า

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดภายในก็คือการติดตั้งหน้าจอแสดงผลขนาด 10.2 นิ้วแบบจอสัมผัส ที่ติดตั้งมาใน 2 รุ่นบน ในรุ่นท๊อปมีระบบเสียงของ Harman Kardon และระบบชาร์จมือถือแบบไร้สายติดตั้งมาให้ เหนือกว่าในรุ่นกลางที่เป็นเครื่องเสียงไฮไฟธรรมดา

ขณะที่รุ่นล่างสุดลดสเปกจอแสดงผลลงไปเหลือจอ 8.8 นิ้ว การออกแบบห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตแบบเต็มพิกัดด้วยเส้นสายคมคายรอบคันรถ แผงคอนโซลหน้าค่อนข้างยื่นหาผู้โดยสารตอนหน้า อาจจะทำให้อึดอัดไปบ้างเวลาโดยสาร

BMW 520d Luxury 20

เบาะที่นั่งของรุ่นท๊อปดูโอบรัดและกระชับมากกว่าเล็กน้อย ตำแหน่งการนั่งของเบาะโดยสารตอนหลังถือว่ามีตำแหน่งการนั่งที่ดีมาก เบาะที่นั่งหลังมีแอร์และที่วางแก้ว ณ ตำแหน่งที่วางมือตรงกลาง แต่ไม่มีระบบควบคุมอะไรติดตั้งมาทั้งสิ้นที่เบาะหลัง

ระบบสัมผัสของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมระบบ Gesture Control ที่ช่วยให้สามารถควบคุมด้วยการเคลื่อนไหวของมือ นอกจากนี้ ในรุ่น 530ไอ ยังมาพร้อมระบบ Parking Assistance ช่วยนำรถเข้าที่จอด ซึ่งพัฒนาให้ทำงานได้อย่างง่ายดายด้วยการกดปุ่ม

เพียงแค่เรากดปุ่มสแกนหาที่จอดรถ เมื่อพบแล้วรถจะทำการเลือกเกียร์ เบรก หมุนพวงมาลัยเองทั้งหมด โดยที่เราทำหน้าที่แต่กดปุ่มคำสั่งค้างเอาไว้เท่านั้น และหากเราเผลอเหยียบเบรก กดคันเร่ง หรือปล่อยมือจากปุ่ม ระบบก็จะยกเลิกการทำงานอัตโนมัติ

DSC_3180

ความพิเศษของระบบนี้ก็คือ ระบบสามารถจอดรถในช่องแคบ ๆ ที่เราอาจจะไม่มั่นใจว่าจะจอดได้หรือไม่ โดยการจอดแนวขนานนั้นต้องการพื้นที่ที่ยาวกว่ารถเพียง 80 เซนติเมตร และการจอดเข้าซองก็ต้องการพื้นที่ด้านละ 40 เซนติเมตรเท่านั้น

การทดสอบวันนี้ส่วนใหญ่เป็นการเซตอัพให้ขับในสนามทั้งรูปแบบของสลาลอม การขับไปตามฐานต่าง ๆ ซึ่งด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างก็ทำให้รถไม่ได้แสดงสมรรถนะออกมาอย่างเต็มที่เท่าที่ควร ไว้ยืมมาขับเต็ม ๆ กันอีกทีค่อยมาว่าข้อดีข้อเสียเรื่องการขับขี่กันเต็ม ๆ

สิ่งที่จับได้จากการทดสอบในสนามก็คือช่วงล่างที่แน่นหนึบขึ้น แม้แต่ในรุ่น Luxury ก็จับความรู้สึกนั้นได้อย่างชัดเจน แต่หากเทียบกับรุ่นเอ็ม สปอร์ตแล้ว การตอบสนองของช่วงล่างและระบบเบรกของรุ่นท๊อปก็ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด และอยู่ในกลุ่มบนบนของรถระดับเดียวกันไม่ยาก

DSC_2580

เครื่องยนต์ให้การตอบสนองในย่านการออกตัวอย่างดีเยี่ยม ในโหมดสปอร์ตอาจจะมีปั่นทิ้งให้เห็นได้นิดหน่อย ขับลอย ๆ เร็ว ๆ นี่ผ่านความเร็วระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบไม่รู้ตัว แถมยังมีเบรกที่มั่นใจได้ว่าเอาอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างแน่นอน

เรามีโอกาสได้ทำการทดสอบการขับขี่บนถนนช่วงสั้น ๆ ระหว่างออกจากถนนมาที่โรงแรม ต้องเรียกว่าเป็นช่วงปลดปล่อยพลัง เพราะมันทำให้เรารู้จักกับรถมากขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในสนามมาก เรื่องแรกก็คือเรื่องของเสียงลมปะทะที่มีน้อยมากในรุ่นนี้

ที่ความเร็วมากกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปแล้ว เสียงที่หลุดรอดเข้ามาในรถบ้างก็คือเสียงยางที่บดกับถนนยางมะตอยที่ไม่ค่อยเรียบมากนัก ขณะที่ไม่มีเสียงลมเล็ดรอดเข้ามาแต่อย่างใด หรือแม้แต่จะเพิ่มความเร็วไปอีกนิดก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนแต่อย่างใด

BMW 530i M Sport25

การตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ย่านความเร็วต่ำไปถึงกลางและต่อเนื่องไปถึงความเร็วสูงเป็นไปอย่างสมูธ ไม่มีอาการกระตุกหรือกระชากของเครื่องยนต์และเกียร์ให้เห็น การทำความเร็วขึ้นไปที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นในรถคันนี้

ช่วงล่างหรือความยอดเยี่ยมโดยเฉพาะที่ตำแหน่งของคนขับที่ไม่มีอาการโยนหรือเหวี่ยงของรถให้รู้สึกแม้แต่ในย่านความเร็วสูง การพารถผ่านโค้งเขาของถนนบนเขาใหญ่เป็นเรื่องสนุกสนานที่แน่นอนว่าอาจจะต้องใช้ความชำนาญมาเป็นองค์ประกอบในการบังคับพวงมาลัยซักหน่อย

ก่อนจะยกยอดการขับขี่แบบจริงจังไปไว้หลังจากนี้ที่เราจะยืมมาทำการทดสอบกันอีกครั้ง ขอสรุปว่านี่คือซีรี่ส์ 5 ใหม่ที่ตั้งใจพัฒนามาให้ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งช่วงล่างที่ดูแน่นหนึบไม่โยกโยน ระบบเบรกที่แม่นยำ และเครื่องยนต์ที่ให้ความร่วมมือในการขับขี่เป็นอย่างดี

BMW 530i M Sport39

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 530ไอ เอ็ม สปอร์ต มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลา 6.2 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดทะลุ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 520ดี ลักชัวรี่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลา 7.5 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ใครอยากรอรุ่นประกอบในประเทศก็รอไป แต่ใครจะตัดใจซื้อตอนนี้ลุย 530ไอ ไปเลย เชื่อสิ!!!

DSC_3213

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่

ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ