หลังจากดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟอร์ดมานาน 3 ปี มาร์ก ฟิลด์ประกาศ “เกษียณอายุ” อำลาชีวิตการทำงานร่วม 28 ปีกับฟอร์ด ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าเขาถูกปลดจากตำแหน่ง
ถึงแม้จะเป็นการประกาศที่เรียกว่า “เซอร์ไพรส์” เล็กน้อยเนื่องจากมาเร็วกว่าที่คิด แต่ก็ไม่เกินความคาดหมายของผู้ที่ติดตามข่าวคราววงการยานยนต์โลก ถึงแม้ฟิลด์จะประสบความสำเร็จในการปรับโฉมผลิตภัณฑ์และทำให้ฟอร์ดมีผลกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ แต่หุ้นของค่ายรถยักษ์อเมริกันกลับลดลงถึง 40% ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ขณะที่อนาคตของแบรนด์ก็ไม่ชัดเจนเท่าใดนักว่าจะมุ่งไปในทิศทางใดภายใต้การกุมบังเหียนของเขา
บิล ฟอร์ด ประธานใหญ่ของฟอร์ดเปิดเผยในงานแถลงข่าวแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ว่า “คำถามคือเราควรจะสร้างความชัดเจนหรือไม่ ถ้าจะสร้างความชัดเจนเราต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีความสอดคล้องกันทั้งองค์กร”
ซีอีโอคนใหม่ของฟอร์ดคือจิม แฮคเก็ต ผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลฝ่ายพัฒนารถขับขี่อัตโนมัติซึ่งฟอร์ดมองว่าเขาคนนี้จะเป็นผู้เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรของฟอร์ดให้มุ่งไปในทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้นเหมือนกับที่อลัน มูลลาลี อดีตซีอีโอคนก่อนหน้าฟิลด์เคยทำได้มาแล้ว
แฮคเก็ตกล่าวว่า “เราต้องการให้พนักงานของเราคิดว่าพวกเขาสามารถสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ จริงๆ แล้วฟอร์ดมีทัศนคติแบบนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องเน้นย้ำมันเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้ ฟิลด์พยายามขับเคลื่อนฟอร์ดให้เป็นบริษัทรถยนต์ที่มุ่งสร้างระบบขับเคลื่อนอันทันสมัยด้วยการแสวงหาความแตกต่างและโอกาสใหม่ๆ พร้อมกับก่อตั้งฝ่ายพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติด้วย แต่กลยุทธ์ดังกล่าวล้มเหลว และดูเหมือนว่าฟอร์ดจะต้องการกลับไปใช้คำขวัญ “One Ford” หรือการเป็นบริษัทที่มุ่งไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น
“เราไม่ต้องการทำให้เกิดการแบ่งแยกในองค์กร ซึ่งทำให้บางแผนกอาจคิดว่าตนเองมีผลงานดีกว่าอีกแผนก สิ่งสำคัญก็คือพนักงานและสาธารณชนต้องคิดว่านี่คือฟอร์ดหนึ่งเดียว และเราจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน” บิล ฟอร์ดกล่าว
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น