Autospinn.com ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการจากวอลโว่ คาร์ส (ประเทศไทย) ให้เป็น 1 ใน 2 สื่อมวลชนจากไทยในการเข้าร่วมการทดสอบรถยนต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 2017 วอลโว่ เอ็กซ์ซี60 (2017 Volvo XC60) ร่วมกับสื่อมวลชนจากทั่วโลกที่ประเทศสเปน
แน่นอนว่าก่อนการทดสอบมาถึง เราได้มีโอกาสบุกเยือนเมืองหลวงของวอลโว่ที่โกเทนเบิร์ก พร้อมทั้่งได้เรียนรู้เกี่บวกับแพลตฟอร์มรุ่นใหม่และการเตรียมความพร้อมสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
เราบินลงใต้มาที่สเปนพื่อที่จะได้ลองรถยนต์เอสยูวีที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน อยู่ระหว่างการเดินหน้าผลิตที่โรงงานและเตรียมพร้อมส่งมอบให้ตลาดโลกในช่วงไตรมาส 3 นี้ ก่อนที่กำหนดการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการน่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้
เอ็กซ์ซี60 คือรถยนต์เอสยูวีขนาดกลางของวอลโว่ที่ถือเป็นอาวุธหลักในการทำตลาดตลอดมา โดยในช่วง 9 ปีของการทำตลาดเจนเนอเรชั่นแรก มียอดจำหน่ายสะสมไปมากกว่า 9 แสนคัน ทำให้การพัฒนารุ่นที่ 2 นี้เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะต้องดียิ่งขึ้น
ฮาคาน ซามูเอลสัน นายใหญ่ของวอลโว่บอกว่ารถคันนี้ไม่ใช่แค่รถใหม่ธรรมดา แต่เป็นรถยนต์ที่ก้าวกระโดดอย่างมากในด้านเทคโนโลยีและจะเป็นรถที่ทำให้วอลโว่ก้าวไปสู่วิสัยทัศน์ของแบรนด์ได้อย่างภาคภูมิต่อไปในโลกยานยนต์แห่งอนาคต
การพัฒนารถยังใช้แพลตฟอร์มเอสพีเอที่มีความยืดหยุ่นอย่างมาก แน่นอนว่าเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับรุ่นพี่อย่างเอ็กซ์ซี90 แต่ก็ได้รับการออกแบบให้มีขนาดที่กระทัดรัด เหมาะสม และดูปราดเปรียวกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยตัวรถนั้นกว้างขึ้นและยาวขึ้น แต่มีความสูงที่ลดลงจากรุ่นเดิม
นอกจากแพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกันแล้ว เครื่องยนต์ยังถือว่าแชร์กันมาทั้งหมด โดยในตลาดโลกมีให้เลือกในปัจจุบัน 4 เครื่องยนต์ ประกอบไปด้วยเบนซิน ที6 ขนาด 320 แรงม้า เบนซิน ที5 ขนาด 254 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล ดี5 ขนาด 235 แรงม้าและดีเซล ดี4 ขนาด 190 แรงม้า
อีกเครื่องยนต์ที่มาแน่นอนแต่ยังไม่ยืนยันช่วงเวลาก็คือเครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอิน ไฮบริด ที8 ทวิน เอนจิน ที่ให้กำลังสูงสุด 407 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.3 วินาที พร้อมวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน ๆ ได้ถึง 45 กิโลเมตร
สำหรับตลาดประเทศไทยแม้จะยังไใม่มีการยืนยัน แต่หากดูจากทิศทางแล้วก็น่าจะพอเดาได้ว่า เครื่องยนต์ดีเซล ดี4 และปลั๊กอิน ไฮบริด ที8 น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม หรือหากจะมีสอดแทรกมาได้ก็คงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ที5 เท่านั้นที่อาจจะมีโอกาสได้เห็น
ทีมงานของวอลโว่คุยว่าเอ็กซ์ซี60 ใหม่นี้ ออกแบบให้มีการยึดเกาะถนนมากขึ้น ไร้อาการโคลงและมีการดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่ดี มาพร้อมกับพวงมาลัยที่ปรับความหนืดตามความเร็วของตัวรถช่วงล่างด้านหน้าอิสระแบบปีกนกคู่ หลังเแบบ Intergal Link ในรูปแบบของแหนบวางขวางไปตามฐานล้อหลัง
นอกเหนือจากการทดสอบวิ่งแล้ว วอลโว่ระบุว่าช่วงล่างนี้ได้รับการออกแแบบและทดสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์และซิมูเลเตอร์ เพื่อให้ได้ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานทั้งบนถนนและทางออฟโรดในชีวิตประจำวัน
สิ่งที่เพิ่มมามากขึ้นเป็นพิเศษจนเจ้าของรุ่นพี่อย่างเอ็กซ์ซี90 อาจจะมองบนใส่ ก็คือระบบความปลอดภัยล่าสุดที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามาจากที่มีเยอะอยู่แล้วในรุ่นพี่ แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าตัวไหนมาไทยบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นระบบที่น่าสนใจ
Oncoming Lane Mitigation หรือระบบช่วยหักหลบรถที่วิ่งสวนทางมาอัตโนมัติ จะทำงานที่ความเร็ว 60-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยหากเราต้องการเร่งแซงและเจอรถที่วิ่งสวนมา พวงมาลัยของรถจะดึงกลับเข้าสู่เลนการจราจรของตัวเองโดยอัตโนมัติ
BLIS หรือระบบเตือนมุมอับที่เพิ่มความสามารถด้วย Steer Assist โดยนอกจากจะเตือนรถที่วิ่งเข้ามาในมุมอับแล้ว ยังช่วยหักรถหลบรถที่วิ่งเข้ามาได้ด้วยเช่นกัน ขณะที่ระบบ Cuty Safety จะช่วยควบคุมรถให้มีเสถียรภาพในกรณีที่ต้องหักหลบรถด้านหน้าแบบกระทันหัน
ระบบ Pilot Assist ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ให้ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและไม่จำเป็นต้องวิ่งตามรถด้านหน้าอีกต่อไป ทำงานร่วมกันกับ Adaptive Cruise Control และระบบอื่น ๆ มากมายเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานรถได้อย่างครบครัน
วอลโว่เตรียมรถยนต์ไว้ให้ทดสอบในทริปนี้กันเพียง 2 เครื่องยนต์ และก็เป็นเครื่องยนต์ที่ไม่น่าจะเข้าเมืองไทยทั้งคู่เสียด้วย ก็คือเครื่องยนต์เบนซิน ที6 และเครื่องยนต์ดีเซล ดี5 ซึ่งคาดว่าเครื่องยนต์ 2 ตัวนี้จะเป็นตัวทำตลาดหลักในตลาดโลกหลาย ๆ แห่งมากกว่า
ไม่เป็นไรครับ เข้าเมืองตาหลิ่วแล้วก็ต้องหลิ่วตาตาม เอาเป็นว่าจะไม่ค่อยพูดถึงเครื่องยนต์ก็แล้วกันนะครับ เพราะเดี๋ยวเข้าไทยก็ต้องลองดี4 กับที8 กันใหม่อยู่ดี แต่ก็ต้องบอกว่าเครื่องยนต์ดี5 นั้น เราคุ้นชินกันดีอยู่แล้วกับเอ็กซ์ซี90 ขณะที่ที6 นั้นก็มีการตอบสนองที่ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
การตอบสนองของทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินของเอ็กซ์ซี60 นั้นต้องบอกว่าเพียงพอกับการชับขี่บนถนนยุโรปที่จำกัดความเร็วกันอยู่แถว ๆ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสบาย ๆ ที6 นั้นให้การตอบสนองที่ปราดเปรียวกว่าเล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่มากกว่าเช่นกัน
ถ้าจอดรถ 2 คันนี้แล้วสตาร์ทเครื่อง เดินเข้าไปก็อาจจะแยกจากกันได้ทันที เพราะเสียงของดี 5 จะดังกว่าพอสมควร แต่หากนั่งอยู่ในรถแล้วให้ทาย เชื่อว่ายากเหมือนกันที่จะทายได้ถูก เพราะต้องบอกว่าการเก็บเสียงของห้องโดยสารนั้นทำได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าที่คาด
ตำแหน่งการนั่ง ตำแหน่งการก้าวเข้าตัวรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังทำได้อย่างดี ไม่ต้องออกแรงปีนให้เหนื่อย จุดนี้ผู้ใหญ่น่าจะชอบ ประตูบานหลังเปิดได้กว้าง สะดวกทั้งการเข้าออกและการใส่ของเข้าไปไว้ตรงกลาง ขณะที่ที่เก็บของด้านหลังนั้นกว้างพอที่จะใส่กระเป๋าเดินทาง 3-4 ใบได้สบาย
หน้าตาของวอลโว่ยุคใหม่มีความเด็กลงเรื่อย ๆ แค่เส้นรูปตัวทีแนวนอนที่กรอบไฟหน้าก็ดุดันกินขาดไปหลายขุม แถมเส้นสายของรถรุ่นนี้ทำออกมาดูดีมีมิติชัดเจน โดยเฉพาะด้านข้างของตัวรถนั้นให้อารมณ์ของมัดกล้ามที่แข็งแกร่งลงตัวมากขึ้นจากรุ่นเดิม
ห้องโดยสารภายในเน้นความเรียบหรูแบบสแกนดิเนเวียน โทนห้องโดยสารสีสว่างที่ไม่น่าจะเข้าเมืองไทย แมตช์สีห้องโดยสารเข้ากับสีของกุญแจอย่างลงตัว ตัดด้วยโลหะสีเงินอย่างลงตัว การควบคุมทั้งหมดเปลี่ยนมาใช้หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่กลางแผงคอนโซลตามแบบรุ่นพี่แล้ว
หลังคามูนรูฟขนาดใหญ๋ที่พาดยาวมาถึงห้องโดยสารตอนกลางนั้นดูดีมาก ช่วยเพิ่มความโปร่งให้กับห้องโดยสารและทำให้รถดูดีมีราคาแพงขึ้นอีกมากโข โดยรวม ๆ แล้วทำให้ห้องโดยสารของเอ็กซ์ซี60 มีความหรูหราไม่แพ้รุ่นพี่ใหญ่เลยทีเดียว
เบาะที่นั่งปรับด้วยไฟฟ้า พวงมาลัยปรับขึ้นลง เข้าออกได้ แต่ยังเป็นแบบคันโยกล็อคอยู่ หน้าจอแสดงผลด้านหน้าหรูหรา โอ่อ่าและเต็มไปด้วยข้อมูลและระบบที่แอบซ่อนเอาไว้อยู่มากมาย เรียกว่าได้รถมาอาจจะต้องเปิดคู่มือเพื่อเรียนรู้ระบบทั้งหมดกันอีกครั้ง
ปรับตัวสักเล็กน้อยให้เข้ากับรถยนต์พวงมาลัยซ้ายและถนนวิ่งทางขวา ลองกดคันเร่งดูก็รู้สึกว่าเป็นรถที่ให้การตอบสนองดีไม่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำหนักของรถที่เบาชึ้นแล้ว อีกส่วนเป็นเพราะช่วงล่างที่ตอบสนองได้ดีมากบนถนนหลวงที่พื้นเรียบเหมาะกับการทำความเร็ว
มีโอกาสได้ลองขับไต่ขึ้นไปบนเนินเขาสูง ๆ ที่มีความชันมาก ๆ เพื่อไปหาวิวถ่ายรูป รถไม่ได้มีอาการย่นย่อท้อถอยแต่อย่างใด เนินที่มีความชันสูงและต้องหักศอกเพื่อปีนขึ้นไปทำได้อย่างง่ายดาย ที่อาจจะต้องพิสูจน์อีกครั้งก็คงเป็นช่วงล่างเวลาลงหลุมบ่อที่อาจจะมีอาการโยนตัวเล็ก ๆ อยู่บ้าง
สรุปรวมความจากการขับทั้ง 2 เครื่องยนต์รวม ๆ กันสักไม่ถึง 100 กิโลเมตร ก็ต้องบอกว่าวอลโว่นั้นทำการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขามาอย่างดีมาก ๆ ถือว่าเป็นรถที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมาและน่าจะเป็นรถธงอีกรุ่นในอนาคต
ขณะที่เรื่องของระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ให้มานั้น มีโอกาสได้ลองใช้ตัวรักษาช่องทางวิ่งของรถ ได้ลองระบบเตือนจุดอับด้านหลัง ได้ลองระบบไพลอต แอสซิสต์บ้าง แต่เดี๋ยวไว้ขอมาลองบนถนนเมืองไทยดีกว่า ว่าจะทำงานได้ดีแค่ไหนบนถนนลูกคลื่นและเส้นจราจรบาง ๆ ของบ้านเรา
ถึงตอนนี้กำลังนั่งเดาราคาและช่วงเวลาเปิดตัวที่เหมาะสม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนอย่างที่ผมคิดหรือเปล่านะนี่...
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่
LINE
ความคิดเห็น