โตโยต้าเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ “โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์” รถอเนกประสงค์ที่รองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ
ฟอร์จูนเนอร์โฉมปัจจุบันถูกยกระดับคุณสมบัติทุกด้านเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม แต่หลายคนอาจยังเห็นภาพไม่ชัดเจนเท่าใดนัก เราจึงขอนำรุ่นท็อปโมเดลใหม่อย่างฟอร์จูนเนอร์ 2.8V 4WD มาเปรียบเทียบกับรุ่นท็อปเดิมคือฟอร์จูนเนอร์ 3.0V 4WD ให้ได้อ่านกัน
การออกแบบ
· กว้างขวางมากขึ้น มิติตัวถังของฟอร์จูนเนอร์ใหม่ มีขนาดยาวขึ้นโดยอยู่ที่ 4,795 มม. และกว้างขึ้นเป็น 1,855 มม. เทียบกับรุ่นเดิมซึ่งมีความกว้างและยาวอยู่ที่ 4,705 มม. และ 1,840 มม. ตามลำดับ พื้นที่ภายในห้องโดยสารจึงกว้างขวางมากขึ้น
· ปราดเปรียวกว่าเดิม ความสูงของฟอร์จูนเนอร์ใหม่ลดลงจาก 1,850 มม. เป็น 1,835 มม. ทำให้ตัวรถมีความลู่ลมและโฉบเฉี่ยวยิ่งกว่าเดิม
· เติมภาพลักษณ์แข็งแกร่งและมีสไตล์ แนวคิดการออกแบบฟอร์จูนเนอร์ใหม่คือ Cool & Tough เน้นผสมผสานความบึกบึนแข็งแกร่งเข้ากับสไตล์ที่ปราดเปรียวคล่องตัว เหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน ทั้งการจราจรในเมืองใหญ่ก็ขับขี่ได้สนุก และลุยได้ทุกเส้นทางนอกเมืองก็มั่นใจ ดีไซน์ด้านหน้าและด้านข้างถูกปรับเปลี่ยนใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น แผงกันชนที่โฉบเฉี่ยวภูมิฐาน กระจังหน้าถูกออกแบบให้ไหลลื่นไปกับกรอบไฟหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแอลอีดี ล้ออลูมิเนียมมีขนาดใหญ่ขึ้นจาก 17 นิ้ว เป็น 18 นิ้ว ไฟหลังมีลักษณะเปรียวบางกว่ารุ่นก่อนหน้า เน้นความเฉียบคมและประณีต ไฟเบรกเป็นแบบแอลอีดีล้ำสมัย เสาอากาศครีบฉลามยังช่วยเติมกลิ่นอายความสปอร์ต
· เพิ่มความพรีเมียมภายใน ห้องโดยสารเน้นบรรยากาศพรีเมียมกว่ารุ่นเดิมด้วยแผงคอนโซดีไซน์ใหม่หมด พร้อมมาตราวัดเรืองแสง Optitron และจอ Muti-Information Display ที่แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ตลอดการเดินทาง นอกจากนั้นยังปรับเปลี่ยนภายในด้วยการเพิ่มจุดสัมผัสที่นุ่มนวลมากขึ้น โดยใช้วัสดุหนังและหนังสังเคราะห์คุณภาพสูง เมื่อผสมผสานกับดีไซน์หรูหราและการตัดเย็บด้วยความประณีต ฟอร์จูนเนอร์ใหม่จึงไม่เพียงโดดเด่นกว่าฟอร์จูนเนอร์รุ่นก่อนหน้า แต่ยังเหนือกว่ารถระดับเดียวกันอีกด้วย
การใช้งาน
· อเนกประสงค์ยิ่งกว่า ตอบสนองทุกกิจกรรมด้วยความกว้างขวางภายในห้องโดยสารของฟอร์จูนเนอร์ เบาะที่นั่งจัดวางแบบ 3 แถว 7 ที่นั่งซึ่งให้ทั้งความสะดวกสบายและอเนกประสงค์ด้วยการปรับพับได้หลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับการใช้งานทุกความต้องการ พร้อมเบาะแถว 2 ปรับพับแบบ One Touch สะดวกยิ่งขึ้น ผู้โดยสารที่มีรูปร่างสูงใหญ่ยังสามารถเข้าไปนั่งในเบาะแถวที่ 3 ได้อย่างง่ายดาย
· ใส่ฟังก์ชั่นที่ให้ชีวิตง่ายขึ้น ด้วยระบบไฟส่องสว่างขณะถึงที่หมาย (Follow- me-home) เมื่อเราดับเครื่องยนต์แล้วแต่ไฟยังคงส่องสว่างไว้ก่อนดับลงอัตโนมัติ ซึ่งให้ความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นขณะจอดรถก่อนเข้าบ้านยามค่ำคืน พร้อมมีกล้องมองหลังสำหรับการถอยจอด ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสั่งงานผ่านรีโมท หรือสวิตช์ภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับ และบริเวณประตูท้าย พร้อมระบบป้องกันการหนีบที่ช่วยให้การขนสัมภาระมีความสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น แถมท้ายด้วยช่องเก็บของด้านบนแบบ Cool Box สำหรับทำความเย็น ถือเป็นตู้เย็นขนาดย่อมๆก็ว่าได้ รวมถึงกุญแจรถดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ พร้อมระบบตรวจสอบรหัสของกุญแจป้องกันการสตาร์ท ในกรณีรหัสไม่ตรงกันช่วยให้ปลอดภัยมั่นใจเต็มที่ และปุ่ม Push Start แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส
· ไม่พลาดการเชื่อมต่อทุกเส้นทางอีกต่อไป ด้วยระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมเครื่องเล่น DVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ T-Connect และการเชื่อมต่อ Bluetooth ให้คุณวางแผนการเดินทางอย่างแม่นยำพร้อมสัมผัสความบันเทิงที่ครบครัน และเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบ Hands-Free ในรถ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ไอทีเพื่อใช้งานได้ง่ายดายผ่านช่องเสียบอย่าง USB, iPOD และ AUX หลายตำแหน่ง รวมถึงช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า AC 220 โวลต์ (100 วัตต์)
สมรรถนะ
· ขุมพลังแรงและประหยัดกว่าที่เคยเป็นมา ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตรถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนที่เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรรุ่นเดิม โดยมีพละกำลังเพิ่มจาก 126 กิโลวัตต์เป็น 130 กิโลวัตต์ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำลงที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดเพิ่มจาก 360 นิวตันเมตรเป็น 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แทนที่เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดของฟอร์จูนเนอร์รุ่นเดิม ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Sigma4 เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ให้ผู้ขับขี่เลือกโหมดการขับขี่ได้ดังใจ ด้วยโหมด H2 ,H4 ,L4 เพื่อลุยทุกอุปสรรคได้อย่างเต็มที่
· พุ่งแซงทันใจยิ่งกว่าเดิม อัตราเร่งของฟอร์จูนเนอร์รุ่นใหม่มีความฉับไวทันใจยิ่งกว่า โดยเฉพาะในช่วงความเร็วปานกลาง การเร่งจาก 60-100 กม.ต่อชม. เร็วขึ้นเป็น 8.0 วินาทีจากเดิม 8.3 วินาทีส่วนการเร่ง 80-120 กม.ต่อชม. ก็ทำได้ที่ 10.5 วินาที จากเดิม 11 วินาที
ความปลอดภัย
· ยกระดับความปลอดภัยครบครัน นอกจากเหนือจากระบบความปลอดภัยครบครันเช่นเดิม ตั้งแต่ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเบรก ABS ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบกระจายแรงเบรก EBD และโครงสร้างตัวถังแบบนิรภัย GOA เสริมแกร่งด้วยคานเหล็กนิรภัยด้านข้าง ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ยังถูกยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นอีกขั้น ด้วยการเสริมทั้งระบบ Hill-start Assist Control (HAC) ป้องกันรถไหลขณะออกตัวบนทางลาดชันเพื่อความมั่นใจ ระบบ Downhill Assist Control (DAC) ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันให้คงที่ ป้องกันไม่ให้รถลื่นไถลลงเนินเร็วเกินไป ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC ป้องกันรถส่ายหรือเสียการทรงตัวเมื่อวิ่งบนทางขรุขระหรือใช้งานลากจูง นอกจากนี้ยังมี มีถุงลมเสริมความปลอดภัย จากรุ่นเดิมที่มี 2 จุดคู่หน้า เป็น 7 จุด ทั้งคู่หน้า หัวเข่าผู้ขับขี่ ถุงลมด้านข้าง และม่านนิรภัยอีกด้วย
เรียกได้ว่าฟอร์จูนเนอร์โฉมนี้อัพเกรดทุกด้านรอบคันจริงๆ นอกจากนั้น ยังมีรุ่นให้เลือกมากมายหลายรุ่น ทั้งเครื่องเล็ก 2,400 CC และเครื่องใหญ่ 2,800 CC 4WD และ 2WD รวมถึงสีภายนอกให้เลือกถึง 7 สี สามารถเลือกได้เหมาะสมตามความชอบและการใช้งาน ลองมาฟังความเห็นจากผู้ใช้ฟอร์จูนเนอร์ที่ชอบทั้งเรื่องดีไซน์และสมรรถนะการใช้งาน
หากสนใจเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.toyota.co.th/fortuner/index.php จะได้ข้อมูลครบครันประกอบการตัดสินใจได้ดีทีเดียว
ความคิดเห็น