ต่อเนื่องจากที่เรานำเสนอข่าวการเปิดตัวฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดนี้ไปแล้ว คราวนี้เรามาเจาะลึกถึงข้อมูลทางเทคนิคของรถซีดานขนาดกลางรุ่นยอดนิยมนี้กันต่อ
แอคคอร์ดรุ่นที่ 10 ใหม่ล่าสุดได้รับการเปิดตัวในดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกาในช่วงกลางดึกคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา รูปร่างหน้าตาโดนใจนักเลงรถหลายคนทันทีด้วยความโฉบเฉี่ยว เน้นความสปอร์ตที่กลมกลืนกับความหรูหรา พร้อมกับใช้ขุมพลังขับเคลื่อนเทอร์โบ 2.0 ลิตรรุ่นใหม่ประกบกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดลูกใหม่เอี่ยมแกะกล่องเช่นกัน
ฮอนด้าระบุว่า แอคคอร์ดรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เน้นโครงสร้างน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งกว่าเดิม แชสซีส์มีดีไซน์และระบบวิศวกรรมที่ก้าวล้ำหน้าที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะ ตลอดจนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ถูกใส่เข้ามาอีกมากมาย เมื่อนำมาติดตั้งไว้ในตัวรถที่มีดีไซน์สวยงาม ปราดเปรียว และยังมีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย จึงคาดว่าแอคคอร์ดจะแตกกอต่อยอดความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็นนักเมื่อออกจำหน่ายจริงในแดนมะกันช่วงปลายปีนี้ ท่ามกลางกระแสรถอเนกประสงค์ที่มาแรงกลบรถซีดานมากขึ้นทุกขณะ
ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นระบุว่า นักออกแบบและวิศวกรทำงานร่วมกันด้วยการยึดมั่นคอนเซปต์ในอดีตที่เน้นความสปอร์ตและเปี่ยมด้วยมัดกล้าม พวกเขานำดีไซน์คลาสสิกของฮอนด้าที่เน้นมิติตัวถังที่ค่อนข้างต่ำและกว้างแบน พร้อมกับมีตำแหน่งที่นั่งแบบสปอร์ต ก่อนจะใส่ความทันสมัยเพิ่มเติมลงไปจนกลายเป็นแอคคอร์ดรุ่นใหม่นี้
ระยะฐานล้อของแอคคอร์ดใหม่มีขนาดยาวขึ้น 2.16 นิ้ว ตัวถังกว้างขึ้น 0.39 นิ้ว ฐานล้อหน้า-หลังกว้างขึ้น 0.20 นิ้วและ 0.79 นิ้วตามลำดับ ขณะเดียวกัน มิติตัวถังสั้นลง 0.39 นิ้วและส่วนสูงลดลง 0.59 นิ้ว ขณะที่ตำแหน่งเบาะที่นั่งก็เตี้ยลงเล็กน้อยทั้งเบาะหน้าและหลัง ฝากระโปรงอยู่ต่ำ ศูนย์ถ่วงกลางรถถูกร่นให้ไปเข้าใกล้ล้อหลังมากขึ้น เมื่อผสมผสานการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดนี้ทำให้แอคคอร์ดมีภาพลักษณ์ปราดเปรียวและสปอร์ตอย่างชัดเจน
ฐานล้อที่ยาวขึ้นยังเอื้อให้นักออกแบบสามารถปรับตำแหน่งเบาะแถวหลังให้ถอยไปด้านหลังมากขึ้น เพิ่มพื้นที่ช่วงขาได้อีกเกือบ 2 นิ้ว และทำให้แอคคอร์ดมีพื้นที่ช่วงขามากที่สุดรุ่นหนึ่งในรถระดับเดียวกัน ส่วนพื้นที่ช่วงไหล่และศีรษะก็กว้างขวางขึ้นตามไปด้วย
งานออกแบบภายนอกคือไฮไลท์ของแอคคอร์ดใหม่ก็ว่าได้ โดยเฉพาะด้านหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยความสง่างามและโดดเด่น กระจังหน้าทรงปีกสะดุดตาด้วยวัสดุโครเมียมอันเป็นซิกเนเจอร์ใหม่ล่าสุดของฮอนด้า ตั้งอยู่เหนือช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ประกบด้วยกรอบไฟแอลอีดี 9 ดวง และไฟตัดหมอกแอลอีดี เส้นสายไหลต่อมาที่ด้านข้างทั้งส่วนบนและส่วนล่างที่ความไหลลื่นต่อเนื่อง
แนวหลังคาที่ลาดเอียงมาถึงส่วนบั้นท้ายที่มีสปอยเลอร์ขนาดเล็ก กรอบไฟหลังทรงคล้ายบูมเมอแรงใช้ไฟแอลอีดีเช่นกันและมีสไตล์คล้ายกับฮอนด้า ซีวิคอยู่ไม่น้อย สะดุดตาด้วยท่อไอเสียคู่ทรงเหลี่ยมฝังอยู่ในกันชนอย่างแนบเนียน ตัวถังมีความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์เพิ่มขึ้น 3%
เปิดประตูเข้ามาชมในห้องโดยสาร เพียบพร้อมทั้งบรรยากาศความพรีเมียมและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบาย ฮอนด้าเผยว่าเสาหลังคาหน้าถูกออกแบบให้เล็กลง 20% จึงทำให้ทัศนวิสัยด้านหน้าเป็นแบบพาโนรามิกหรือกว้างและสูงขึ้นกว่าเดิม วัสดุที่ใช้เน้นผิวสัมผัสนุ่มนวล การออกแบบคอนโซลสไตล์ “3 ระดับชั้น” เพิ่มมิติได้ดี
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ได้รับการใส่ใจทกจุด อาทิพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแนวสปอร์ตที่มีพื้นที่พักนิ้วโป้งที่พอเหมาะ มีแป้นแพดเดิลชิฟท์ช่วยเติมภาพลักษณ์สปอร์ต ฮอนด้าชี้ว่าทุกวัสดุที่ถูกนำมาใช้จะช่วยถ่ายทอดความโมเดิร์นและหรูหรา
ตัวเบาะที่นั่งหุ้มด้วยวัสดุและมีตัวรองรับแผ่นหลังที่ปรับได้เพื่อให้ความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง เบาะผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 12 ทิศทาง ขณะเดียวกัน เบาะที่นั่งทุกตัวยังมาพร้อมระบบปรับความร้อนและระบายอากาศ ส่วนที่วางแขนมีขนาดยาวขึ้นและกว้างกว่าเดิม
ฮอนด้าระบุว่า คนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีจะไม่ผิดหวังในแอคคอร์ดใหม่ ด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้วแสดงผลการทำงานของตัวรถสำหรับผู้ขับขี่ และหน้าจอทัชสกรีน 8 นิ้วสำหรับการควบคุมเครื่องเสียงที่มีฟังก์ชั่นใช้งานง่ายเหมือนสมาร์ทโฟน รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ แอคคอร์ดใหม่ยังมีฟังก์ชั่น HondaLink สำหรับการควบคุมระยะไกลทั้งการล็อกและปลดล็อก การสตาร์ทเครื่องยนต์ การติดตามเมื่อรถถูกขโมย การช่วยเหลือฉุกเฉิน และอื่นๆ
แน่นอนว่าฮอนด้าไม่พลาดติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ขาดไม่ได้แล้วสำหรับรถในปัจจุบัน อย่าง Bluetooth® Near Field Communication และการออนไลน์ขณะเดินทางผ่าน 4G LTE in-car Wi-F เครื่องเสียงมีให้เลือกตามรุ่นย่อย ตั้งแต่ลำโพง 4 ตัว 160 วัตต์ในรุ่น LX ไปจนถึงลำโพง 10 ตัว 450 วัตต์ในรุ่น EX-L และ Touring โดยทุกรุ่นย่อยมีพอร์ทชาร์จยูเอสบีอย่างน้อย 2 จุด
เมื่อพลิกโฉมภายนอก-ภายในใหม่หมดแล้ว ขุมพลังขับเคลื่อนก็ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยฮอนด้านำเสนอ 3 รุ่นคือ เครื่องยนต์ 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ไดเรคอินเจคชั่นจำนวน 2 รุ่น และระบบไฮบริดอีก 1 รุ่น โดยความโดดเด่นอยู่ที่ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดที่นำมาใช้ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อนล้อหน้า
มาเริ่มชมกันที่เครื่องยนต์รุ่นแรก 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ไดเรคอินเจคชั่น Dual Variable Timing Control รีดพละกำลัง 192 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 192 ฟุตปอนด์ที่ 1,500 – 5,000 รอบต่อนาที ซึ่งมากกว่าแอคคอร์ดรุ่นเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร โดยมีระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่องหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือกใช้
ถัดมาคือเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ไดเรคอินเจคชั่น i-VTEC® ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับเครื่องยนต์ของซีวิค ไทพ์ อาร์ มีพละกำลังให้ใช้ 252 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 273 ฟุตปอนด์ที่ 1,500 – 4,000 รอบต่อนาที เทียบกับบล็อกวี6 3.5 แรงม้าของเดิมที่มีพลัง 278 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 252 ฟุตปอนด์ที่ 4,900 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์เทอร์โบทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่มากมาย อย่างวาล์วแปรผันที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ ระบบท่อไอดีที่ช่วยลดการสูญเสียแรงดัน และหัวฉีดตรงที่มีความแม่นยำมากขึ้น ทั้งหมดทั้งปวงช่วยเพิ่มพละกำลังและยกระดับความประหยัดเชื้อเพลิง
ระบบเกียร์ซีวีทีและเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดถูกปรับจูนให้รองรับกับเครื่องยนต์ใหม่นี้โดยเฉพาะ โดยเกียร์ซีวีทีมีอัตราทดเกียร์ต่ำลง 11% ขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดมีน้ำหนักเบาลง 22 ปอนด์
มาถึงรุ่นไฮบริด เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Atkinson cycle มีประสิทธิภาพความร้อนเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งมากที่สุดเท่าที่ฮอนด้าเคยผลิตมา ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกในโลกที่ใช้แม่เหล็กและไม่มีแร่โลหะหนักหายาก เทคโนโลยีมอเตอร์ 2 ตัวในแอคคอร์ดใหม่นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้วและยังคงทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม ส่วนพละกำลังและอัตราการบริโภคน้ำมันจะได้รับการเปิดเผยในภายหลัง
เทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานอยู่ภายใต้แพ็คเกจ Honda Sensing ที่เน้นช่วยเหลือผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น Collision Mitigation Braking System™ (CMBS™), Lane Departure Warning, Road Departure Mitigation, Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow และ Traffic Sign Recognition รุ่นใหม่
อ็อปชั่นเสริมเพิ่มเติมยังมีทั้ง Blind Spot Information, Cross Traffic Monitor and Driver Awareness Monitor, Multi-Angle Rearview Camera และ เซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้าและหลัง
ด้านระบบความปลอดภัยแบบดั้งเดิมคงครบครัน ทั้ง Vehicle Stability Assist พร้อม Traction Control รวมถึงเบรก ABS, EBD ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ตลอดจนถุงลมนิรภัยปกป้องหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ฮอนด้านำเสนอแอคคอร์ดหลากหลายรุ่นย่อยในสหรัฐอเมริกา โดยรุ่น 1.5 ลิตรมีทั้ง LX, Sport, EX, EX-L, EX-L Navi และ Touring รุ่น 2.0 ลิตรมี Sport, EX-L, EX-L Navi และ Touring ปิดท้ายด้วยรุ่นไฮบริด Hybrid, EX, EX-L, EX-L Navi และ Touring
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
LINE
ความคิดเห็น