PorscheMDA  คอร์สการรขับขี่ซูเปอร์คาร์ระดับเทพ

อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วคำพูดนี้ยังใช้ได้เสมอ พอได้ยินว่าต้องไปเรียน Skill Driving หรือคอร์สการขับขี่บางคนนี่แทบจะเบือนหน้าหนีเพราะหลายๆ ที่ก็แทบจะเหมือนๆ กัน แต่ลองคิดดูว่าคุณได้ไปฝึกสกิลการขับรถกับ Porsche ในสนามแข่งระดับโลกอย่าง Sepang ที่มาเลเซียดูสิ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว

PorscheMDA หรือ Porsche Media Academy เป็นโครงการที่ Porsche จัดขึ้นทุกปีเพื่อให้บรรดาสื่อมวลชนได้ยกระดับทักษะการขับขี่ของตัวเองและได้รู้จักกับสมรรนถะของรถยนต์จาก Porsche ให้มากยิ่งขึ้น ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้อีกระดับ

PorscheMDA นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ Individual Professional และ Elite ซึ่งจะมีรุปแบบการเรียนการสอนที่แตกต่างกันออกไป น้องใหม่อย่างเราที่เพิ่งได้รับการเชิญชวนจาก Porsche และตัวแทนจำหน่ายในไทยอย่าง AAS Auto Service เป็นปีแรกก็ต้องเริ่มกันที่เลเวล Individual กันก่อน

คอร์สการเรียนการสอนนั้นจะแบ่งออกเป็น 4 สเตจแบ่งออกเป็นช่วงเช้าและบ่ายช่วงละ 2 สเตจ ซึ่งเราจะได้ทดสอบสมรรถนะของรถ Porsche ในแบบที่ไม่คาดคิดและไม่อัพเลเวลการขับขี่ไปพร้อมกันๆ และสำหรับเราแล้วกลุ่มเราเป็นกลุ่มที่น่าจะโชคดีที่สุดเลยทีเดียว

สเตจแรกมีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า Moose Test มีลักษณะคล้ายคลึงกับการทดสอบ Moose Test อันลือชื่อ โดยเราต้องหักหลบสิ่งกีดขวางอย่างรวดเร็วด้วยการถอนคันเร่งและหักพวงมาลัยโดยไม่มีการแตะเบรกช่วยเลยแม้แต่นิด

ส่วนที่ทำให้สเตจนี้ยากขึ้นคือการปิดเทคโนโลยีตัวช่วยในการทรงตัวของ Porsche ทิ้งไปและต้องเบรกและหยุดในอยู่ในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น

มองดูก็เหมือนจะง่ายแต่เพียงแค่รอบแรกที่ต้องนั่งข้างกับครูผู้ฝึกสอนก็เล่นเอาหัวใจเต้นแรงกันเสียแล้วเพราะอัตราเร่งของ Porsche คันที่เรานั่งอยู่นี่เล่นเอาเรารู้สึกเหมือนวาร์ปใส่แนวกรวยที่วางอยู่ด้านหน้าเลยทีเดียว

เทคนิคสำคัญของสถานีนี้นอกจากการใช้พวงมาลัยที่รวดเร็วแล้วยังอยู่ที่สายตาและสติสัมปชัญญะของผู้ขับขี่เองด้วยและเป็นอย่างที่เราคาดไว้ว่าส่วนที่ยากที่สุดคือตอนปิดระบบช่วยการทรงตัวของ Porsche และต้องคุมด้วยความสามารถของตัวเองและสมรรถนะของตัวรถล้วนๆ จุดนี้ช่วยพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า Porsche ไม่ได้มีดีแค่แรงแต่ยังมีความเสถียรสูงมากแม้จะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างการหักหลบสิ่งกีดขวางอย่างรวดเร็วก็ตาม

สถานีที่สองคือการหักหลบสิ่งกีดขวางและเบรกฉุกเฉินจนรถหยุดในระยะที่สั้นที่จุดและไม่ชนกรวยที่ตั้งเอาไว้ วิธีการคือเหยีบคันเร่งจนมิดให้เคสียงเครื่องยนต์ลั่นสนั่นสนามเซปังฯ พุ่งเข้าไปยังกองกรวยตรงหน้าแล้วต้องย่ำเบรกจนมิดทันทีพร้อมทั้งหักหลบไม่ให้ชนกรวยที่ขวางทางอยู่

การพุ่งใส่กองกรวยข้างหน้าในระยะไม่ถึง 300 เมตรบนเครื่องยนต์เทอร์โบหลายยร้อยแรงม้าของ Porsche แล้วต้องเบรกและหักหลบพร้อมๆ กันในระยะกระชั้นชิดมากๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนกินกรวยไปบ้างในสถานีนี้

สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ผู้ขับขี่กดเบรกไม่หมดทำให้เรียกพละกำลังในการเบรกออกมาไม่สุด เราที่อยู่นอกรถจะสังเกตเห็นเลยว่าหลายๆ คน จะไม่เบรกจนไฟฉุกเฉินหรือไฟเบรกฉุกเฉินกระพริบซึ่งต่างจากตอนที่ผู้ฝึกสอนสาธิตที่จะเบรกจนไฟเบรกฉุกเฉินกระพริบทุกครั้ง

เราพักเบรกหลังจากสถานีฝึกที่สองเพื่อให้หัวใจที่เต้นรัวได้สโลว์ไลฟ์สักครู่หนึ่ง หลังจากที่เพิ่งวาร์ปใส่กองกรวยด้วยความเร็วสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชีวิตแถมยังต้องเบรกจนมิดและหักหลบในระยะทางที่สั้นและกระชั้นมากๆ เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสได้เป็นเจ้าของ Porsche แล้วเจอเหตุการณ์แบบสองสถานีที่เราเจอในตอนเช้าสิ่งที่คุณต้องมีก็คือสติเพราะรถคันนี้มีสมรรนถมากพอที่จะทำให้คุณหลบหลีกอุปสรรคได้อย่างปลอดภัย

สถานีที่สามคือสถานีสลาลอมที่ทำให้เราเห็นจุดเด่นของ Porsche ที่มีตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ที่หลากหลายทั้ง หน้า กลาง และหลัง ซึ่งแต่ละตำแหน่งก็จพมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปและในสถานีนี้เราเลือกใช้รถรุ่นที่มีเครื่องยนต์วางกลางเพื่อให้มีความสมดุลที่ดีที่สุด

เทคนิคการสลาลอมไม่ใช่ความเร็ว แรง การเหยียบคันเร่งแรงๆ หักพวงมาลัยเร็วๆ ไม่ได้ช่วยให้คุณขับขี่ได้เร็วและลื่นไหลแต่อยู๋ที่การใช้สมดุลและความนุม่นวลในการใช้คันเร่งและพวงมาลัย อรู้ว่าจังหวะไหนที่ควรจะมาก จังหวะไหนที่ควรจะหย่อนเพื่อให้รถมาบาลานซ์ที่ดีที่สุด รวมถึงการกลับรถได้อย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งในสถานีนี้มีการจับเวลาหาผู้ชนะรับรางวัลพิเศษด้วยนะ

เราบอกไปแล้วเรากรุ๊ปเราเป็นกรุ๊ปที่โชคดีที่สุดเพราะเราได้มา Guiding Lap กับแชมป์ Le Mans ของ Porsche เป็นสถานีสุดท้าย เหมือนการที่เราได้นำทักษาะที่เราเรียนมาตลอดทั้ง 3 สถานีที่ผ่านมามาประยุกต์ใช้ในสถานีนี้และการแก้ปัญหาได้ในการขับขี่ Porsche Panamera รวมถึง Panamera Turbo และที่ดุเดือดที่สุดคือ Porsche911 4s กรี๊ดสลบปะล่ะคุณผู้ชม

Earl Bamber หนึ่งในทีมขับของ Porsche ที่คว้าแชมป์ Le Mans จะมาเป็นผู้นำการขับขี่ครึ่งสนามให้เราผ่านวิทยุสื่อสาร กว่าเราจะตั้งหลักใน Panamera ได้ก็เล่นเอาหมดเวลาในรอบแรกและต้องขยับไปขับ 911 ซึ่งดุเดือดเลยล่ะคุณผู้ชม

Earl Bamber เองก็เดือดไม่ได้แพ้ Porsche ที่เราขับไล่เขาในแต่ละรอบสนามเสียงที่เราได้ยินผ่านวิทยุสื่อสารจากพ่อหนุ่มคนนี้ก็จะประมาณ "Keep it up!!" "Come catch me!!" "Closer keep distance" "More speed" "Don't brake too fast"

ผลก็คือเราไล่ผู้ฝึกสอนของเราบนทางตรงด้านหลังของสนามเซปังฯ ด้วยความเร็ว 230กม./ชม. หรือมากกว่านั้น (ขณะที่ควมเร็วบนหน้าจอแตะ 230 กม./ชม. พี่แกก็ยังส่งเสียงมาตลอดว่า เร็วอีกๆ!!) ก่อนที่เราจะขับผ่านกรวยจุดเบรกซึ่งก็ยังมีเสียงผ่านวิทยุสื่อสารมาอีกว่าอย่าเพิ่งเบรกก่อนจะให้เรากดเบรกก่อนจุดเลี้ยวเพียงเล็กน้อยและเลี้ยวเข้าโคงด้วยความเร็วทิ้งให้ Panamera สองคันข้างล่างหูตั้งรีบตามมา

จบสี่สถานีฝึกก็คิดว่าจะสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้แต่เปล่าเลย PorscheMDA ยังได้เตรียมฝูง Porsche911 หลากหลายรุ่นให้เราได้ขับขี่กันแบบเต็มรอบสนามโดยมีผู้ฝึกสอนคอยให้คำแนะนำกันแบบโค้งต่อโค้ง ให้เราได้รู้จักจุดเบรกจุดกว้างจุดแคบในแต่ละจุดของเซปังฯ และไฮไลท์ฮอตแล็ปกับบรรดาครูฝึกซึ่งเรามีโอกาสได้นั่ง Porsch GT4 ClubSport ตัวแข่งติดแอร์ข้างๆ แชมป์ Le Mans อย่าง Earl Bamber

ข้อดีของการได้นั่งฮอตแล็ปสำหรับเราคือทำให้เรารู้ตัวว่าเลเวลเรายังอัพได้อีกเยอะ จุดเบรกของเรายังเบรกได้ลึกอีกเยอะ เรายังบานออกได้อีกเยอะเพื่อไปให้เร็วขึ้น แค่หนึ่งรบสนามแต่เราก็ได้เรียนรู้อะไรจากนักแข่งคนนี้ได้เยอะมากและปีหน้าในเลเวล Professional เราสัญญาเลยว่าเราจะเร็วขึ้นอีกและขับขี่ให้ดี เร็ว แรง ลื่นไหล และปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม

ขอขอบคุณ AAS Auto Service Co., Ltd. – Porsche Thailand

บททดสอบโดย: Ken [Warodom C.]