หลังจากสามารถทำผลกำไรได้สูงสุดในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา แอสตัน มาร์ตินประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วยการสร้างสถิติกำไรอีกครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2017
ค่ายรถสปอร์ตจากอังกฤษรายงานตัวเลขผลกำไรสูงสุดจากการทำรายได้อยู่ที่ 410.4 ล้านปอนด์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งทำได้ที่ 211.8 ล้านปอนด์ นั่นทำให้ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา รายได้พุ่งกระฉูดเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์
แอนดี้ พาลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอสตัน มาร์ตินกล่าวว่า “เรากำลังเดินหน้ายกระดับรายได้ของเราด้วยผลกำไรก่อนภาษีที่เติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการในผลิตภัณฑ์อย่างดีบี11 ของเรา รวมถึงรถรุ่นพิเศษตามแผนการพลิกโฉมธุรกิจสู่ศตวรรษที่ 2”
ยอดขายรถแอสตัน มาร์ตินเพิ่มขึ้น 67% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ไปอยู่ที่ 2,439 คัน โดยตลาดใหญ่ยังอยู่ที่อังกฤษ ยุโรป อเมริกา และจีน ราคาเฉลี่ยของรถแอสตัน มาร์ตินแต่ละคันเพิ่มขึ้น 25% ไปอยู่ที่ 149,000 ปอนด์ ซึ่งได้แรงขับเคลื่อนมาจากรุ่นดีบี11
แอสตัน มาร์ตินยังคงเดินหน้านำเสนอรถสมรรถนะสูงต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวดีบี11 ซึ่งใช้เครื่องยนต์วี8 ความจุ 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ และยังยืนยันว่าจะนำเสนอรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกอย่างราปิดอี ภายในปี 2019
“ความแข็งแกร่งของผลประกอบการในครึ่งปีแรกของเรามาจากกลยุทธ์ที่ถูกต้อง” มาร์ก วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของแอสตัน มาร์ตินกล่าว
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น