ปอร์เช่จัดงานแถลงข่าวสุดยิ่งใหญ่ในเมืองสตุ๊ทการ์ท เปิดคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นใหม่ล่าสุด ต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก การปรากฎตัวของหนึ่งในยอดยนตกรรมจากปอร์เช่ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด พิสูจน์ด้วยยอดจำหน่ายมากกว่า 760,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2002
และแล้วความสมบูรณ์แบบแห่งวิวัฒนาการก็ได้เดินทางมาถึง รถยนต์สายพันธุ์แกร่งที่ก่อกำเนิดขึ้นจากการผสมผสานสมรรถนะการขับขี่ชั้นเลิศตามสไตล์ของปอร์เช่ ร่วมกับความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้งานเพื่อทุกวันของชีวิตเหนือระดับยิ่งกว่า ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมมากมาย แต่ยังสามารถลดน้ำหนักรวมของตัวรถให้เบากว่ารุ่นก่อนหน้าได้ถึง 65 กิโลกรัม ต้องยกความยอดเยี่ยมดังกล่าวให้กับโครงสร้างอัจฉริยะน้ำหนักเบาพิเศษ เปิดตัวด้วย 2 รุ่นย่อยซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) ใน คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นมาตรฐานและร้อนแรงยิ่งขึ้นจากพละกำลังสูงสุดกว่า 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) สำหรับ คาเยนน์ เอส (Cayenne S) โดย คาเยนน์ เอส (Cayenne S) สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 5 วินาที
“สิ่งที่เราทำคือการพัฒนาอันสมบูรณ์แบบสำหรับยนตกรรมชั้นเยี่ยมของเรา มันได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างเด่นชัดในทุกๆส่วนประกอบ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ ได้ก้าวเข้าสู่ความล้ำยุคแห่งโลกดิจิตอลและเครือข่ายแห่งอนาคตเต็มตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงหลักปรัชญาในการออกแบบเพื่อวันพรุ่งนี้อย่างแท้จริง” ข้างต้นคือคำแถลงของ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG
ปอร์เช่ยกระดับภาพลักษณ์ให้แก่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ ได้อย่างมีนัยสำคัญ “วัตถุประสงค์หลักประการแรกของเราคือการกำหนดบุคลิกภาพให้แก่รถยนต์แต่ละรุ่น คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ เข้าใกล้นิยามของปอร์เช่ยิ่งกว่าทุกครั้ง เพราะคือ ยานยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยความปราดเปรียว งามสง่า แข็งแกร่ง และรุกเร้าได้อย่างเหลือเชื่อ” นั่นคือคำกล่าวจาก Michael Mau-er ในฐานะ Director of Style ของ Porsche AG ผู้ซึ่งรับหน้าที่ออกแบบคุณลักษณะประจำตัวของ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ ร่วมกับ Peter Varga (Director Exterior Design) และ Ivo van Hulten (Director Interior Design)
การปรากฎตัวครั้งแรกของ คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นล่าสุด เกิดขึ้นที่ พิพิธภัณฑ์ Porsche Museum ล้อมด้วยเสียงดนตรีสุดอลังการในท่วงทำนอง “Sinfonie des Lebens” (Symphony of Life) ควบคุมวงโดยวาทยากร Jesse Milliner บรรเลงเพลงโดยวง Bohemian Symphony Orchestra Prague และ the wind ensemble จาก the Leipzig Gewandhaus Orchestra ซึ่งเคยร่วมงานกับปอร์เช่มาโดยตลอด ในวงซิมโฟนียังประกอบด้วยทีมแดนเซอร์ นักดนตรีมืออาชีพและทีมงานแสงเสียงผู้เชี่ยวชาญ
ยนตกรรม SUV เจเนอเรชั่นที่ 3 จากปอร์เช่ ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดจดในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น ขุมพลังเครื่องยนต์เทอร์โบสมรรถนะสูง เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ Tiptronic S ระบบตัวถังใหม่ และนวัตกรรมการควบคุมพร้อมแสดงผลด้วยหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง Porsche Advanced Cockpit ถึงพร้อมด้วยประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต โดยยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลสะดวกสบายขณะโดยสารเดินทาง เปิดตัวในช่วงแรกด้วย 2 ทางเลือกจากเครื่องยนต์ 6 สูบใหม่ เริ่มต้นด้วย คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นมาตรฐาน ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) จากขุมพลังเทอร์โบขนาดความจุ 3.0 ลิตร เพิ่มขึ้นถึง 40 แรงม้า (29 กิโลวัตต์) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ตามด้วยเครื่องยนต์ V6 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร ในรุ่น คาเยนน์ เอส ทะยานทะลุพิกัดความเร็วสูงสุดกว่า 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากพละกำลังมหาศาลถึง 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) เมื่อติดตั้งชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ สปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) คาเยนน์ เอส ใหม่ สามารถเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 5 วินาที คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอาศัยบรรทัดฐานจากอัตลักษณ์ของรถสปอร์ตในตำนาน ปอร์เช่ 911: นับเป็นครั้งแรก สำหรับการติดตั้งยางต่างขนาดและระบบช่วยเลี้ยวล้อหลังหรือ rear-axle steering ลงในรถยนต์ SUV ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่บนทางเรียบ มั่นใจได้ในทุกจังหวะความเร็วจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive ซึ่งติดตั้งเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังพร้อมรองรับทุกรูปแบบการขับขี่ด้วยระบบ Porsche 4D Chassis Control ระบบช่วงล่างถุงลมเทคโนโลยี three-chamber air suspension ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ระบบ electronic roll stabilisation และนวัตกรรมระบบเบรกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นล่าสุด Porsche Surface Coated Brake (PSCB) อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ จะได้รับการเพิ่มเติมอุปกรณ์มาตรฐานมากขึ้น แต่กลับสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 65 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเหนืออื่นใด คาเยนน์ (Cayenne) ยังคงรักษาสมรรถนะในการบุกตะลุยเส้นทาง off-road เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดิม
พิพิธภัณฑ์ Porsche Museum ร่วมเฉลิมฉลองและจัดแสดงประวัติความเป็นมาแห่งความรุ่งโรจน์ในวิวัฒนาการของ คาเยนน์ (Cayenne) ผ่านกิจกรรมนิทรรศการพิเศษ “New tracks. Every destination. Always Porsche.” พร้อมร่วมชื่นชมยนตกรรมเจเนอเรชั่นใหม่จากปอร์เช่ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2018
สามารถติดตามข่าวสารอัพเดตเพิ่มเติม ได้ที่นี่
สามารถค้นหารถยนต์มือสองคุณภาพดี ได้ที่นี่
ความคิดเห็น