หลังจากปลุกกระแสล่วงหน้ามายาวนานหลายเดือน นิสสัน ลีฟ เจนเนอเรชั่นใหม่ได้รับการเผยโฉมแล้ว มาพร้อมการออกแบบใหม่หัวจรดท้ายและระบบขับเคลื่อนที่ก้าวล้ำหน้ามากขึ้น
เปิดตัว 2018 Nissan Leaf ขับเคลื่อนพลังไฟฟ้า
นิสสันระบุว่า ลีฟรุ่นใหม่คือการถ่ายทอดแนวคิดการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Nissan Intelligent Mobility) ซึ่งผสมผสานแนวทางสำคัญ 3 ด้านไว้ในลีฟรุ่นใหม่ ทั้งเทคโนโลยีการขับขี่แบบอัจฉริยะ (Nissan Intelligent Driving) เทคโนโลยีพลังขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Nissan Intelligent Power) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อใช้งานอัจฉริยะ (Nissan Intelligent Integration)
ลีฟ รุ่นใหม่จะเปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกที่งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ที่จะเปิดฉากในสัปดาห์หน้า ก่อนออกจำหน่ายในญี่ปุ่นช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นจะทำตลาดสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรปในช่วงต้นปี 2018 ราคาค่าตัวในอเมริกาเริ่มต้นที่ 29,999 เหรียญสหรัฐ หรือเฉียด 1 ล้านบาท
รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้ใช้ชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมงประกบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งตัว มีพละกำลังที่ 147 แรงม้า แรงบิด 236 ฟุตปอนด์ ซึ่งพละกำลังมากกว่าลีฟ เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ แรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์
นิสสันระบุว่าหน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (อีพีเอ) ประเมินระยะทางขับเคลื่อนของลีฟไว้ที่ 150 ไมล์หรือราว 241 กม. ขณะที่การประเมินในยุโรปสามารถโลดแล่นได้ถึง 235 ไมล์หรือราว 378 กม. ซึ่งใกล้เคียงกับคู่แข่งจากอเมริกาอย่างเทสล่า โมเดล 3 และเชฟโรเลต โบลต์
การชาร์จไฟด้วยปลั๊ก 3 กิโลวัตต์ทำได้ภายในเวลา 16 ชั่วโมงจนเต็มแบตเตอรี่ แต่ถ้าปลั๊ก 6 กิโลวัตต์จะใช้เวลาลดลงเหลือ 8 ชั่วโมง ส่วนฟังก์ชั่นชาร์จไฟเร่งด่วนจะเติมพลังงานเข้าแบตเตอรี่ได้ถึง 80% ในเวลา 40 นาทีเท่านั้น
แน่นอนว่าไฮไลท์ของลีฟใหม่ยังอยู่ที่เทคโนโลยีขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่เรียกว่าโปรไพลอต (ProPILOT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติแบบช่องจราจรเดียว เมื่อเทคโนโลยีนี้ทำงาน รถจะสามารถรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้โดยอัตโนมัติที่ความเร็วระหว่าง 30-100 กม.ต่อชม. และยังช่วยให้ตัวรถเลี้ยวไปตามทางและรักษาตำแหน่งอยู่กึ่งกลางช่องจราจรได้เอง ถ้ารถคันหน้าหยุด ระบบโปรไพลอตจะสั่งการระบบเบรกโดยอัตโนมัติด้วย
นอกจากนี้ยังมีระบบโปรไพลอต พาร์ค (ProPILOT Park) คือระบบที่มีศักยภาพเต็มรูปแบบที่จะช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการจอดรถได้ด้วยการควบคุมคันเร่ง ระบบเบรก การหมุนพวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์ และการใช้งานเบรกมือเพื่อให้ตัวรถเข้าสู่ช่องจอดได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีการประมวลผลภาพด้วยการใช้กล้องความละเอียดสูงจำนวน 4 ตัวและข้อมูลจากเซ็นเซอร์อัลตราโซนิค 12 ตัวที่ติดตั้งรอบคัน
ลีฟรุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับระบบอี-เพดัล (e-Pedal) ที่เอื้อให้ผู้ขับขี่สามารถเร่ง เบรก และหยุดรถ รวมถึงทำให้รถหยุดนิ่งกับที่ได้ด้วยแป้นเหยียบเดียว ขณะเดียวกัน ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกเพียบทั้ง Intelligent Lane Intervention, Lane Departure Warning, Intelligent Emergency Braking, Blind Spot Warning, Traffic Sign Recognition, Rear Cross Traffic Alert และ Intelligent Around View Monitor
รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดซึ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมที่เปิดตัวในปี 2010 อย่างเทียบกันไม่ติด รูปทรงดูปราดเปรียวมากขึ้นและน่าจะถูกใจคนรุ่นใหม่มากกว่าเดิม ทางนิสสันเน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยยืนยันว่า นอกจากตัวถังที่ลู่ลมและแหวกอากาศได้ดี ลีฟยังมีมิติความสูงลดลงและใกล้กับพื้นถนนมากขึ้น จึงแทบจะไม่มีการยกตัวขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือเมื่อถูกลมกระโชกพัดแรงจากด้านข้าง
การออกแบบที่ลู่ลมนอกจากจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่แล้ว ยังช่วยขยายระยะทางขับเคลื่อนให้ไกลยิ่งขึ้นซึ่งมีความเป็นอย่างมากสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่างลีฟ
ส่วนภายในห้องโดยสารก็ยังเน้นการใช้งานฟังก์ชั่นด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายไม่หวือหวา มีหน้าจอขนาดใหญ่บนคอนโซลกลาง วัสดุที่ใช้ดูเนี๊ยบและทันสมัยเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ของแบรนด์นิสสัน
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น