ในงาน 2017 Tokyo Motor Show ที่จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Mazda ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่สำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วที่สุด
แน่นอนว่าปลายทางของคำตอบจะต้องอยู่ที่รถไฟฟ้าเหมือนกับที่ค่ายรถอื่น ๆ พูดถึงกัน แต่ในระยะระหว่างทางที่เครื่องยนต์สันดาปภายในยังเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนรถยนต์อยู่อีกหลายปีนับจากนี้ อะไรคือสิ่งที่ทำให้มาสด้าจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนเหนือคู่แข่ง
การประกาศจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงทั้งระบบให้เหลือ 50% ในปี 2030 เมื่อเทียบกับปี 2010 และลดลงไป 90% ในปี 2050 ถือเป็นความท้าทายของค่ายรถปีกบินที่ต้องเดินหน้าแผนงานทุกอย่างอย่างรัดกุมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
ฮิเดโตชิ คูโด เจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายวิจัยและพัฒนา มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เป้าหมายของมาสด้าคือการเชื่อมโยงกับลูกค้าด้วยแบรนด์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ด้วยการนำเสนอสินค้าที่เหนือไปกว่าความคาดหวังของลูกค้าในทุก ๆ ด้าน
"พวกเรารักรถยนต์และต้องการให้ผู้คนมีความสุขในการใช้รถยนต์ของพวกเขา แต่เราก็มีพันธกิจในการพัฒนารถยนต์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของโลกและของสังคม ด้วยสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย"
มาสด้านั้นมีการตั้งเป้าหมายของบริษัทที่เรียกว่า Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อันเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดภาวะเรือนกระจก โดยเฉพาะการลดการปล่อยไอเสียจากโรงกลั่นน้ำมันถึงการขับขี่รถยนต์ ซึ่งมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุด
การพัฒนาของมาสด้านั้น เป้าหมายปลายทางก็อยู่ที่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน แต่มาสด้ามองเห็นว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในนั้นจะยังเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป แม้แต่ในปี 2035 ที่โลกเต็มไปด้วยยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ก็ยังต้องใช้เครื่องยนต์ถึง 84%
"เรามีเป้าหมายที่จะลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้สภาวะที่แท้จริงของโลก โดยเป้าหมายหลักของเราอยู่ที่การสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ดีที่สุดในโลก จากนั้นจึงจะค่อยแนะนำรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะให้กับโลกของเราในโอกาสถัดไป"
นอกเหนือจากเรื่องของมลภาวะแล้ว มาสด้ายังมองเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาติดตั้งภายในรถยนต์ ด้วยการนำเสนอระบบต่าง ๆ เพื่อมาช่วยเหลือในการขับขี่มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานรถยนต์ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ มาสด้าจะทำการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย อาทิ ระบบป้องกันการชนด้านหลัง ระบบป้องกันการชนคนเดินถนน และระบบอื่น ๆ เพื่อเป็นระบบมาตรฐานในประเทศญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2017 และเป็นมาตรฐานของโลกในปีงบประมาณ 2018
ขณะเดียวกัน มาสด้าอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่มาสด้าเรียกว่า Mazda Co-Pilot Concept โดยจะเริ่มทดสอบระบบดังกล่าวในปี 2020 และเริ่มพัฒนาเพื่อการใช้งานได้จริงตั้งแต่ปี 2025 ซึ่งเป็นอนาคตของโลกยานยนต์อย่างแท้จริง
นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและความสนุกสนานของค่ายรถแบรนด์มาสด้า เพราะจะมีการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและสินค้ารุ่นใหม่ ๆ มากมายออกมาสู่ท้องตลาด และเราก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของค่ายนี้ออกมาวิ่งบนท้องถนนเช่นกัน!!!
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่
ความคิดเห็น