Mercedes-AMG เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ GT R และ AMG GT C ตอบสนองลูกค้ามองหาความเร้าใจ Share this

Mercedes-AMG เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ GT R และ AMG GT C ตอบสนองลูกค้ามองหาความเร้าใจ

Satapana
โดย Satapana
โพสต์เมื่อ 20 November 2560

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งสองสุดยอดรถสปอร์ต เสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโอกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมของแบรนด์ “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี”

ราคาจำหน่ายของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที ซี เริ่มต้นอยู่ที่ 16.8 ล้านบาท ส่วนเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีทีอาร์ เคาะไว้เริ่มต้น 17.4 ล้านบาท

เริ่มกันที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีทีอาร์ เป็นสมาชิกใหม่ของรถสปอร์ตตระกูลเอเอ็มจี จีที ดีไซน์ภายนอก สะท้อนปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์และเอเอ็มจียึดถือ ส่วนหน้าของตัวรถมีลักษณะลาดต่ำ และกระจังหน้าแบบ AMG Panamericana (เอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า) ที่ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลามนั้นสามารถช่วยลดแรงกดที่ด้านหลังตัวรถ ส่งผลให้การไหลเวียนของอากาศขณะรถเคลื่อนที่ดีขึ้น

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/cd102d47-mercedes-amg-gt-r_exterior-23.jpg

ล้ออัลลอยแบบ AMG Performance (เอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์) มีน้ำหนักเบา ช่วยประหยัดพลังงาน และทำให้ระบบช่วงล่างและการหมุนพวงมาลัยเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ นอกจากนั้นยังมีหลังคารถที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอน เสริมให้ตัวรถมีสีสันตัดกันสวยงาม พร้อมติด ระบบเบรกคาร์บอนคอมโพสิทสีเหลืองที่เป็นสีพิเศษสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ

ดีไซน์ภายใน ห้องโดยสารของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีทีอาร์ ถ่ายทอดจากสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ต เบาะที่นั่งถูกปรับให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ อีกทั้งยังเป็นเบาะที่นั่งแบบ AMG Sports Bucket (เอเอ็มจีสปอร์ตบักเก็ต) หุ้มด้วยหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre ที่ช่วยปกป้องลำตัวด้านข้างได้ดีแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง

ทั้งนี้ เจ้าของสามารถเลือกติดตั้งเบาะที่นั่งแบบเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มความเร้าอารมณ์ขณะขับขี่ เช่น ชุดเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง ชุดแผงหน้าปัดสีเหลือง หรือชุดแต่ง              ห้องโดยสาร AMG Interior Piano Lacquer (เอเอ็มจีอินทีเรียร์เปียโนแลกเกอร์) เป็นต้น ชุดแต่ง AMG Interior Night (เอเอ็มจีอินทีเรียร์ไนท์) เป็นชุดแต่งมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ โดยทั้งพวงมาลัย และเกียร์จะชุบสีดำเงาทั้งหมด แผงหน้าปัดกว้าง สื่อถึงเอกลักษณ์ของงานออกแบบอากาศยาน แผงควบคุมตรงกลางมีลักษณะคล้ายกับท่อรับอากาศแบบนาคา (NACA air intake) ที่นิยมใช้กับเครื่องบิน และมีช่องลมของเครื่องปรับอากาศ 4 ช่องที่ดูคล้ายสปอตไลท์

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/4edf74c7-mercedes-amg-gt-r_interior-4.jpg

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีทีอาร์มีระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ AMG RIDE CONTROL (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล) ด้วยการใช้โครงสร้างปีกนกสองชั้นเพื่อรักษาสมดุลของล้อ และติดสปริงไว้ด้านบน ใช้นวัตกรรม AMG Lightweight Performance (เอเอ็มจีไลท์เวทเพอร์ฟอร์มานซ์) ที่เลือกสรรวัสดุน้ำหนักเบามาใช้ในการผลิต ทำให้โครงสร้างของรถมีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง แต่แข็งแกร่งและสามารถกระจายแรงได้เป็นอย่างดี ระบบควบคุมการยึดเกาะเอเอ็มจีแบบ 9 ระดับ หรือ AMG TRACTION CONTROL สามารถจำลองค่าแรงเสียดทานภายในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อเตรียมระบบต่างๆ ของรถให้สอดคล้องกับสภาพพื้นถนน

เครื่องยนต์เป็นบล็อกวี8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร พละกำลัง 585 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 318 กม.ต่อชม.

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/1cff87e9-mercedes-amg-gt-r_exterior-13.jpg" />

ขณะที่รุ่นเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที ซี ใช้บล็อกเดียวกัน แต่มีพละกำลัง 557 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด เร่งจากหยุดนิ่งถึง 100 กม.ต่อชม. ใน 3.7 วินาที ท็อปสปีดระดับ 316 กม.ต่อชม.

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที ซี เป็นการผสมผสานนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีทีอาร์เข้ากับระบบช่วงล่างเอเอ็มจีไรด์คอนโทรลแบบสปอร์ต (AMG RIDE CONTROL Sports Suspension) ที่เป็นจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงประสบการณ์                ขณะขับขี่ที่น่าพึงพอใจที่สุด

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/3bee9e23-mercedes-amg-gt-c_exterior-2.jpg

ดีไซน์ภายนอก มีการเสริมสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่งรถยนต์ที่มีช่องทางวิ่งกว้าง ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง และเพิ่มประสิทธิภาพขณะเข้าโค้งและเสริมการยึดเกาะ  กระจังหน้าแบบเอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า มีวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่ นอกจากนั้นยังมีหลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่มมีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา โดยสามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง  พวงมาลัยเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์หุ้มหนัง Nappa และ เส้นใย DINAMICA Microfibre หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะเสริมแบบเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์ที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน อีกทั้งยังติดตั้งระบบให้ความอบอุ่นบริเวณช่วงคอแบบแอร์สคาร์ฟ (AIRSCARF)

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/d700ab30-mercedes-amg-gt-c_exterior-25.jpg

ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี ฝากระโปรงหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC (Sheet Moulding Compound) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานของ Mercedes-Benz TEC (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทีอีซี) และผู้เชี่ยวชาญของเอเอ็มจี ทำให้ฝากระโปรงรถมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความทนทานและแข็งแรง ระบบช่วงล่างของทั้ง 4 ล้อมีทั้งปีกนก แกนบังคับเลี้ยว และโครงฐานคุมล้อ (hub carrier) ที่หล่อจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น โดยล้อทั้ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกปีกนกแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหมุนของล้อและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีพ.ศ. 2560 นี้ ถือเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ Mercedes-AMG ซึ่งถือเป็นแบรนด์ รถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลก ที่ยึดถือหลักการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถ ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance’ เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ผ่านการส่งมอบเทคโนโลยีที่ ล้ำสมัย และเต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความโฉบเฉี่ยวและเร้าอารมณ์ให้กับทุกการขับขี่ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เอเอ็มจีได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ทั้งในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงการที่แบรนด์ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รถยนต์สปอร์ตตระกูล AMT GT ยังช่วยให้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าในการพัฒนารถยนต์ของแบรนด์ พร้อมทั้งช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากอีกด้วย”

“โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นอกจากทิศทางการดำเนินงานของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ที่ยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์หลักอย่างแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แล้ว เรายัง มุ่งเน้นมาที่แบรนด์รถยนต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนิช มาร์เก็ต (Niche Market) มากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG สองรุ่นล่าสุด อย่าง Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C เพื่อมาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม และแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการไปอีกขั้นของรถยนต์ในตระกูลนี้ที่มีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน” มร.ไมเคิล กล่าวเพิ่มเติม

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ