เมอร์เซเดส-เบนซ์เผยโฉมสปรินเตอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด เพียบพร้อมเทคโนโลยี และเป็นรถรุ่นแรกของแบรนด์ที่พัฒนาด้วยปรัชญา adVANce
ไฮไลท์ของสปรินเตอร์อยู่ที่ระบบการเชื่อมต่อถึงกันเพื่อตอบสนองต่อยุคอินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งหรือ IoT (Internet of Things) ช่วยให้สามารถควบคุมฟลีตรถสปรินเตอร์ พร้อมมีการสื่อสารระหว่างผู้ขับและผู้จัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับปรัชญา adVANce ข้างต้นที่เน้นความล้ำสมัย
ปรัชญาดังกล่าวเกิดจากการทุ่มเงินลงทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนารถแวน "ที่มีการเชื่อมต่อถึงกัน" รุ่นแรกในโลกตามคำกล่าวของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ต้องการสร้างผลกำไรในระยะยาวให้แก่ธุรกิจการเดินทางของผู้คนและการรับส่งสินค้าทั่วโลก
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ลูกค้าหรือผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อสปรินเตอร์ยังสามารถปรับแต่งตัวรถให้รองรับการใช้งานทางธุรกิจได้มากกว่า 1,700 รูปแบบเลยทีเดียว เรียกว่าต้องการแบบใด ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์จัดให้ได้ทั้งหมด
ด้วยการออกแบบตัวรถให้มีความกว้างขวางและมีศักยภาพใช้งานยอดเยี่ยม สปรินเตอร์จึงเหมาะสำหรับทั้งการเป็นยานพาหนะขนส่งสินค้า รถรับส่งชัตเติลคาร์ และการใช้งานอื่นๆ
ระบบขับเคลื่อนของสปรินเตอร์มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ รวมถึงระบบขับเคลื่อนล้อหน้าในรุ่นเริ่มต้น ซึ่งทางค่ายรถยักษ์ใหญ่เยอรมันระบุด้วยว่า รุ่นที่ใช้ระบบขับหน้านั้นสามารถบรรทุกได้หนักกว่ารุ่นขับหลังถึง 50 กก. นอกจากนี้ยังใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและระบบเกียร์อัตโนมัติทอร์กคอนเวอร์เตอร์แบบ 9 สปีดซึ่งให้ทั้งความสะดวกสบายและประหยัดน้ำมัน
สปรินเตอร์ สเปกยุโรปจะมีเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.1 ลิตร พละกำลังสามระดับคือ 114 แรงม้า 143 แรงม้า และ 163 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีขุมพลังดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร พลัง 190 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตรให้เลือกสรร
ข่าวใหญ่ที่น่าติดตามก็คือ รุ่นอีสปรินเตอร์ พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่จะเปิดตัวในปี 2019 ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลทางเทคนิค แต่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ระบุว่าเป็นรถที่เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง ก่อนหน้านี้ เพิ่งเปิดให้จับจองอีวีโต้ รถแวนขนาดเล็กกว่าที่จะเริ่มส่งมอบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น