รีวิว Triumph Tiger800 XRT และ Triumph Tiger800 XCA
Triumph Tiger800 เป็นซีรีย์ที่หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จักและอาจไม่คุ้นกันด้วยซ้ำว่าแบรนด์รถจักรยานยนต์จากอังกฤษอย่าง Triumph Motorcycle นั้นจะรถสไตล์แอดเวนเจอร์ขายกับเขาด้วยเหรอ ไม่เห็นคุ้นเลย เหย เราว่าคุณพลาดแล้วล่ะ
Triumph Tiger เป็นตระกูลรถสายลุยที่อยู่ในไลน์การผลิตมายาวตั้งแต่ปี 1936 หรือกว่า 80 ปีเลยทีเดียว โดยในเจนเนอเรชั่นปัจจุบันได้มีการปรับฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นกว่าโฉมก่อนหน้าเยอะเลย
แม้ว่ายังคงรูปลักษณ์และสไตล์ทีเ่ป็นเอกลักษณ์ของ Triumph Tiger800 เอาไว้แต่ตัวรถดูดูทันสมัยและแตกต่างไปจากโฉมก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่แรกเห็น อุปกรณ์พื้นฐานนั้นมีการอัพเกรดใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ไฟหน้ายันไฟท้ายรวมถึงออพชั่นที่มีการปรับปรุงใหม่เพียบ
ระบบไฟรอบคันของ Triumph Tiger800 ถูกปรับไปใช้ LED ทั้งหมดพร้อมติดตั้งไฟ DRL หรือ Daytime Runing Light ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครมาให้ ชิลด์หน้าทรงสูงที่นอกจากเท่แล้วยังเพียงพอสำหรับการใช้งานไม่ต้องไปง้อหาชิลด์หน้าที่ไหนมาเพิ่ม ในรุ่นนี้ยังมีการเสริมชิลด์ชิ้นข้างเพื่อช่วยบังลมที่จะปะทะได้ดียิ่งขึ้น
แฟริ่งชิ้นข้างเองก็มีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้ดูเฉียบคมและมีขนาดกระทัดรัดคล่องตัวยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับท่อไอเสียที่ดีไซน์มาใหม่ กระจกข้างดีไซน์ใหม่การ์ดแฮนด์เองก็มีความแข็งแรงไม่ใช่ให้แบบง่อยๆ มาแล้วต้องไปหาซื้อเพิ่ม เอาจริงๆ ทุกวัสดุ ทุกอุปกรณ์ที่ใส่มาให้ในรถล้วนแล้วแต่จบในตัวเองไม่ต้องไปควนควายหาของแต่งหลังออกจากศูนย์ฯ เลยแม้แต่นิด
จอแสดงผลเปลี่ยนไปเป็นแบบ TFT 4 สีปรับรูปแบบได้ 6 รูปแบบจาก 2 ธีม และมีฟังก์ชั่นปรับแสงอัตโนมัติปุ่มการควบคุมแบบ Joystick ปุ่ม Home ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ คล้ายคลึงกับใน Triumph Street Triple765RS
ออพชั่นทั้งหมดที่ไล่เรียงมาด้านบนนั้นแค่ส่วนหนึ่งจาก 200 ชิ้นส่วนรวมถึงในส่วนของเครื่องยนต์ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใน Triumph Tiger800 รุ่นปี 2018 ที่ทำให้ตัวรถดูมีลูกเล่นและโดดเด่นรวมถึงมีรายละเอียดที่น่าสนใจกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ถ้าจะให้ไล่ทีละชิ้นก็คงเบื่อกันแย่ ฉะนั้นเราออกไปผจญภภัยกับพี่เสือกันเลยดีกว่า
งานทดสอบระดับโลกครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ประเทศโมรอคโคผ่านเทือกเขาและทะเลทรายซึ่งหลายวันก่อนหน้ามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ไกด์ท้องถิ่นบอกว่าปีนี้เป็นปีที่มาฝนตกหนักที่สุดและต่อเนื่องมาถึง 5 วันแล้ว ยังไม่นับหิมะที่ตกในทะเลทรายในรอบร้อยปีอีกตังหากฟังดูไม่น่าพิศมัยเลยใช่ไหมล่ะ แต่เอาเป็นว่ากรุ๊ปเราโชคดีกว่าที่คิด
แสงแดดยามเช้าสาดส่องต้องโลโก้ Triumph ที่ซ่อนอยู่กึ่งกลางไฟคู่หน้าของพี่เสือ800 ของเรา แม้อุณหภูมิจะอยู่ไม่ถึงหลักสิบแต่แดดแรงกล้าขนาดนี้ทำเอาเราแอบเหงื่อซึมอยู่ใต้เสื้อผ้า 5 ชั้นรวมชุดการ์ด Alpinestars ที่เราดันถอดชั้นกันหนาวทิ้งไว้เมืองไทยออกอากาศชิลล์ๆ แบบนี้สนุกแน่นอน
2018 Triumph Tiger800 ถูกแบ่งย่อยออกเป็นสองรหัสได้แก่ XRT และ XCA โดยพี่เสือสายเรียบรหัส XRT จะมาเป็นคู่หูในครึ่งเช้าของเราโดยมาร์แชลจากแดนผู้ดีจะนำเราขึ้นสู่ยอดเขา Atlas โดยใช้เส้นทางฝั่งเหนือและจะมีเส้นทางในการขับขี่ที่ยาวกว่าทุกๆ วันเนื่องสภาพอากาศที่เป็นใจสุดๆ
Triumph Tiger800XRT เวอร์ชั่นก่อนหน้ายังคงเป็นแอดเวนเจอร์ที่เราชื่นชอบมากกว่าคู่แข่งจากเยอรมนีด้วยความรู้สึกที่มากกว่าทั้งในแง่ของสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งานรวมถึงดีไซน์ที่โดดเด่นและแตกต่างถึงภาพลักษณ์จะไม่ได้ดูโดดเด่นขนาดนั้นก็ตาม
สุ่มเสียงของเครื่องยนต์สามสูบเรียงที่ออกจากปลายท่อไอเสียนั้นดูจะต่างออกไปด้วยท่อไอเสียที่ไม่ได้เพียงแค่เบาลงแต่ยังมีการดีไซน์ภายในใหม่ทั้งหมดและเสียงดึงลมผ่านวาล์วก็ไม่ได้โหวกเหวกเหมือนที่เคยเป็นมาก่อนหน้าแต่ก็ไม่ได้หายไป
Triumph Tiger800 โฉมปี 2018 นี่มีการปรับช่วงเกียร์หนึ่งให้สั้นลงเพิ่มพละกำลังในการออกตัวแต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าสั้นจนเกินไป สัมผัสของคลัทช์นั้นดูจะนุ่มนวลเป็นพิเศษด้วย Clutch Assist และที่สำคัญการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า(Ride by Wire) ดูจะดีขึ้นจากหลายๆ รุ่นอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว
แม้เครื่องยนต์ยังเป็นลูกเดิมที่ทำสีภายนอกใหม่แต่ภายในเปลี่ยนไปเยอะมาก เครื่องยนต์ 3 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ 800 ซีซี 95 แรงม้าที่ 9,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 79 นิวตันเมตรระบบหัวฉีดหลายตำแหน่งและเกียร์ 6 สปีด
ความรู้สึกหนึ่งที่ชอบคือบาลานซ์ตัวรถที่ให้ความรู้สึกที่เบาขณะขับขี่แต่ไม่ได้เบาจนลมพัดแรงๆ แล้วปลิว เครื่องยนต์ถูกปรับให้มีแรงบิดแบบ Flat Torque เรียกได้ว่าบิดตอนไหนก็มาในทุกย่านรอบไม่ว่าจะต่ำหรือกลางก็พร้อมเรียกใช้มาไล่คันหน้าได้ทุกเมื่อแต่สำหรับคนที่คาดหวังความตื่นเต้นก็อาจไม่ได้ดูหวือหวานัก
แม้เราจะบอกว่าไม่ได้หวือหวาแต่ Tiger800 XRT ก็มีอัตราเร่งที่น่าประทับใจเครื่องยนต์สามสูบเรียงส่งกำลังได้อย่างเรียบเนียนและรวดเร็วไม่มีอาการสั่นสะท้านอะไรจนทำให้รู้สึกว่าเหนื่อยล้าจากการขับขี่ ย้ำกันอีกสักทีเราชอบสุดๆ ตรงที่บิดเมื่อไรอยากได้ตอนไหนก็มาเนี่ยล่ะ หากดูจากกราฟแรงบิดแล้วแทบจะเป็นเส้นตรงเลย
ในรุ่น XRT นั้นระบบกันสะเทือนจะเป็นของ Showa ที่สามารถปรับค่าได้ทั้งหน้าและหลังซึ่งเรารู้สึกว่าสำหรับการเดินทางบนถนนดำเจ้านี่จัดได้ว่าดีแต่ยังไม่พอสำหรับค่ามาตรฐาน ท้ายจะแอบมีอาการยวบไปเสียหน่อยเวลาเจอการกระแทกรุนแรงแต่ก็คืนตัวได้เร็วดี เวลาล้อหน้าปะทะกับอุปสรรคก็มีอากรส่งมาถึงแฮนด์บาร์บ้างในบางครั้่ง
ส่วนหนึ่งเพราะถนนในโมรอคโคนั้นไม่ได้โรยไว้ด้วยกลับกุหลาบแต่เป็นถนนราดยางแตกๆ ที่มีทั้งหลุมเล็ก หลุมใหญ่เป็นระยะ วางเกะกะตามทางหิน รวมถึงขอบทางโรยกรวดหินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งหากมีการปรับช่วงล่างให้เหมาะสมน่าจะรับแรงได้ดีกว่านี้
เราออกจะโดนคันหน้าทิ้งห่างมากเกินไปเสียหน่อยในโหมดการขับขี่แบบ Road ใน Triumph Tiger800 XRT นั้นมีโหมดการขับขี่ให้เลือกที่ 5 โหมดเราเลยปรับโหมดขึ้นมาเป็น Sport ด้วยการเปลี่ยนโหมดจากปุ่มๆ เดียวแล้วปิดคันเร่งเพยีงเท่านี้พี่เสือเราก็จะมีพลังฮึ้ดขึ้นมามากับรอบเครื่องยนต์พร้อมใช้อยู่ในมือทันที
ข้างขวาหน้าผาข้างซ้ายหุบเขาที่มองเห็นแต่ยอดไม้โผล่มาจากข้างทางถ้าไม่มีช่วงล่างดีๆ กับเบรก Brembo ที่ติดรถมาให้คงได้มีอะไรเสียวๆ มากกว่านี้ เราไต่ขึ้นโค้งยูเทิร์นสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนางกับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเริ่มเห็นเศษหิมะกองอยู่บนถนนและตามข้างทางก่อนจะรู้ตัวอีกทีเราก็อยู่บนถนนเส้นเดียวที่ตัดผ่านที่ราบสูงสีขาวโพลนเสียแล้ว
รถที่ถูกสร้างมาเพื่อการเดินทางบนทางเรียบมากกว่าทางลุยอย่าง 2018 Triumph Tigrt800 XRT คันนี้จะมีความเสถียรสูงมากเมื่อจำเป็นต้องเร่งอย่างเร็วแล้วหรือใช้ความเร็วบนทางดำ หน้ารถไม่มีอาการกินลมจนหน้าลอยแกว่งที่ความเร็วราว 140-150 และตัวรถยังคงนิ่งมากๆ ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ที่ยังคงเหลือสำหรับเร่งแซงได้ ส่วนแรงม้าแม้จะไม่ได้มากมายแต่ก็รู้สึกถึงกำลังที่เหลือเฟือ
ชิลด์หน้าทรงสูงปรับระดับได้ 5 ระดับเพียงแต่ดึงขึ้นและเลื่อนใช้งานง่ายแม้ขณะขับขี่ และถึงแม้ชิลด์หน้าจะตัดลมไม่เลยหัวสำหรับผู้ขับขี่ที่สูง 180 ซม. แต่ช่วยตัดเสียงและลมที่จะเข้าปะทะตัวผู้ขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมและเพอร์เฟคยิ่งขึ้นด้วยชิลด์หน้าชิ้นข้างที่สร้างออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนเราอยากจอดรถปรบมือให้
ออพชั่นหนึ่งที่ยิ่งทำให้เราหลงใหลพี่เสือคือ Heat Grip และ Heat Seat ที่ใส่เข้ามาเป็นครั้งแรกใน Tiger800 ช่วยให้เราขับขี่ได้สบายขึ้นท่ามกลางภูเขาหิมะอุปกรณ์อุ่นทั้งสองอย่างนั้นปรับความอุ่นได้ 3 ระดับเพียงกดปุ่มที่ประกับข้างซ้ายที่ใช้งานได้ง่ายและยังมีเบาะอุ่นสำหรับตำแหน่งคนซ้อนมาให้ด้วย
ช่วงบ่ายเราจะเปลี่ยนไปใช้เส้นทางฝั่งใต้เพื่อมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขา Atlas อีกครั้งโดยเปลี่ยนรถเป็น 2018 Triumph Tiger800 XCA พี่เสือสายลุยที่มีออพชั่นภายนอกที่ต่างออกไปจาก XRT ที่เสือทางเรียบพอสมควร
ชิลด์หน้าทรงสูงการ์ดแฮนด์รวมถึงไฟสปอร์ตไลท์นั้นเป็นอุปกรณ์มาตรฐานแต่ปากนกขนาดยาว แคลชบาร์กันเครื่องและกันแคร้งอลูมิเนียมขนาดใหญ่ที่มาแทนกันแคร้งพลาสติก ล้อซี่ลวดและล้อหน้าใหญ่ถึง 21 นิ้วนั้นเป็นอุปกรณ์ที่พี่เสือทางเรียบไม่มี
เราเดินทางมุ่งหน้าขึ้นยอดเขา Atlas อีกครั้งด้วยเส้นทางทางทิศใต้ เรื่องความเร็วเดินทางในการทดสอบอัตราเร่งอะไรต่างๆ เราว่าไม่ได้น้อยหน้า XRT เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าหน้ารถจะถูกยกให้สูงขึ้นด้วยระยะยุบของระบบกันสะเทือนหน้าที่มากขึ้นแต่การชู้ทที่ความเร็ว 130-140 กม./ชม ก็ไม่ได้มีอาการส่ายจะน่ากลัว แม้ว่าในจังหวะที่ชู้ทขึ้นมาอย่างรวดเร็วจะสัมผัสได้ถึงอาการหน้าลอยนิดหน่อยก็ตามที
สิ่งที่เจ้า XCA พิเศษกว่า XRT คือช่วงล่างที่เพอร์เฟคมากๆ ระบบกันเสือนหน้าหลัง WP หรือ WhitePower ขึ้นชื่อนักหนาว่าเป็นระดับหัวแถวของวงการของทางฝุ่นและโช้คระดับท็อปที่ประทับอยู่บนพี่เสือก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง
หากเปรียบเทียบกับ XRT แล้ว อาการของระบบกันสะเทือนที่เราบอกไปในย่อหน้าก่อนๆ นั้นหายไปโดยสิ้นเชิงโดยที่เป็นการเซ็ตแบบค่ามาตรฐานของโรงงานแท้ๆ โช้คหลังที่ยุบไปยวบไปไม่มี อาการสั่นสะเทือนจากการหยิบหลุมเนินไม่มีส่งขึ้นมาถึงแฮนด์บาร์เลย ช่วงล่างยังให้ความรู้สึกที่เฟิร์มเอามากๆ สำหรับทางดำเสียด้วย
อีกส่วนหนึ่งที่ต่างออกไปในรุ่น XCA คือโหมดการขับขี่ที่มีมาให้มากกว่าจาก Road,Sport,Off Road,Rain,Rider แล้ว ยังมี Off Road PRO ติดตั้งมาให้ ซึ่งเรามีโอกาสได้ใช้ในช่วงบ่ายที่ต้องขี่ผ่านเส้นทางที่เป็นหิน ดิน ทราย เยอะหน่อย โดยวิธีการเปลี่ยนข้ามไปสู่ Off Road นั้นควรจอดและเปลี่ยนโหมดเพื่อให้เซนเซอร์ ABS วัดค่าได้อย่างถูกต้องที่สุด
พอปรับเป็น Off Road ระบบ ABS ดูจะหายไปส่วน Traction Control เองก็ปล่อยให้เราได้ขยี้คันเร่งบนพื้นดินจนฝุ่นคลุ้งได้เต็มที่ นอกจากค่ามาตรฐานของแต่ละโหมดที่ตั้งมาจากโรงงานแล้ว ผู้ขับขี่ยังเข้าไปเซตค่าต่างๆ ของแต่ละโหมดและ Rider Mode อย่าง ABS,Traction Control, Mapping ได้ในเมนู Home
อีกสิ่งที่รู้สึกต่างไปคือท่านั่งท่านั่งใน 2018 Triumph Tiger800 ต่างไปจากเดินเล็กน้อยส่วนแฮนด์บาร์เองก็มีการปรับให้เข้าใกล้ตัวขึ้นราว 10 มม. และสำหรับเราแล้วท่านั่งของ XCA ดูจะนั่งได้ทะมัดทะแมงมากกว่าแต่สำหรับคนตัวเล็กเบาะนั่งของรถทั้งสองรุ่นนั้นยังปรับระดับลงได้โดยการถอดเบาะทั้งสองตำแหน่งและปรับระดับให้สอดคล้องกันทั้งคนขี่และผู้โดยสาร
เรื่องการขับขี่บนทางดำ ทางโค้งบนเข้าเราเองว่า Tiger XCA ไม่ได้น้อยหน้าพี่เสือทางเรียบ XRT เลยแม้แต่น้อย ส่วนหนึ่งอาจด้วยเส้นทางที่ไม่อำนวยสำหรับการใช้ความเร็วที่สูงมาก เราเลยยังไม่อาจสัมผัสถึงความแตกต่างของทั้งสองรุ่นได้อย่างชัดเจนมากนัก ไว้โอกาสประจวบเหมาะจะจัดให้สาแต่ใจอีช้อยเลยทีเดียว
2018 Triumph Tiger800 XRT และ XCA ทั้งสองรุ่นต่างถูกลบข้อด้อยหรือจุดที่ติดๆ ขัดๆ ในโฉมก่อนหน้าออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม ออพชั่นและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ใส่มาให้กับตัวรถนั้นล้วนเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้จริงและเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานที่รถที่ดีสมราคาคันนึงพึงมี
ถ้าคุณยังมีคำถามในใจว่าแล้วถ้าเทียบกับตระกูล F800GS, F700GS ล่ะเราก็จะบอกว่าถ้าตอนนี้มีเงินเราเลือก 2018 Tiger800 แบบไม่ต้องคิดเยอะด้วยราคา ออพชั่น และสมรรถนะ แต่ถ้า F850GS มาก็คงต้องพิจารณากันอีกที
แม้ท่านั่งของ Tiger800XCA จะทะมัดทะแมงกว่า XRT ที่จมกว่าแต่ก็อย่าลืมว่าควรปรับเบาะให้เหมาะสมกับแต่คนละด้วย เราเลยต้องจอดแวะบนยอดเขาท่ามกลางหิมะเพื่อปรับแอบเบาะอย่างเร่วด่วน โชคดีที่เหลือการ์ด Alpinestars นั้นกันลมและภูมิอากาศได้ดีแม้ไม่มีอินเนอร์กันหนาวก็ตามเราเลยไม่รู้สึกหนาวมากมายระหว่างการขับขี่ท่ามกลางหิมะและอุณหภูมิเฉียดติดลบ
ตอนนั้นเองที่เราลืมไปเลยว่าเจ้านี้มีเฟรมที่โผล่มาใต้แฟริ่งชิ้นข้างซึ่งอยู่ในตำแหน่งขาพอดี ตอนลองคร่อมที่งาน MotorExpo ก็คิดว่าน่าจะเป็นอุปสรรคตอนขี่ตอนยืน แต่ทว่าก็ไม่อาจเพราะกางเกงการ์ดที่หนาคงต้องลองว่าเจอกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ จะเป็นอย่างไร
เราขี่ลงจากเทือกเขา Atlas ฉากสีขาวโพลนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลสลับเขียว ลดเลี้ยวผ่านโค้งยูเทิร์นหักศอกอีกมากมายไต่ลงสู่ที่ราบสูงเบื้องล่าง พร้อมกับอีกหลายคำถามที่ยังคาใจที่โมรอคโคก็มันส์สะใจแต่เดี๋ยวขอเจอที่ไทยให้หายข้องใจสักที ว่าแต่หนาวขนาดนี้มีใครจะอาบน้ำบ้างไหมครับ แฮ่
อ่านข่าวอื่นที่น่าสนใจ คลิกที่นี่
มองหาแหล่งซื้อรถยนต์มือสองที่ไว้ใจได้ คลิกที่นี่
อ่านรีวิว Triumph Street Triple765RS คลิกที่นี่
ขอขอบคุณ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิล(ไทยแลนด์) จำกัด
Special Thank:
บริษัท เวสปิอาริโอ จำกัด AlpineStars Thailand
บททดสอบโดย: Ken [Warodom C.]
ความคิดเห็น