วอลโว่ กรุ๊ป ตั้งเป้าโตสวนทางตลาด แม้มีปัจจัยลบทั้ง การเมือง นโยบายการเงิน ค่าแรง ค่าบาท ส่วนแผนนำรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้าไทยยังไม่ชัดเจน รอดูความคุ้มค่าทางธุรกิจ-อินฟราสตรัคเจอร์
กำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ และยูดี ทรัคส์ เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา วอลโว่ กรุ๊ป ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% จากปี 2559 ยอดขายอยู่ที่ 1,251 คัน แบ่งเป็น รถวอลโว่ ทรัคส์ 356 คัน รถยูดี ทรัคส์ 895 คัน มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 7% เพิ่มจากปี 2559 อยู่ที่ 6% ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าจะมียอดขายโตกว่าตลาดรวมแม้ว่าในปีนี้จะมีปัจจัยลบกระทบอยู่บ้างก็ตาม
ภาพรวมตลาดรถบรรทุกปีนี้โดยรวมน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ซึ่งปัจจัยหนุนจากภายนอกคือเศรษฐกิจโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการมีความมั่นใจมากขึ้น การส่งออก การค้าขายชายแดนมีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนธุรกิจก่อสร้างจะดีเพราะมีการอนุมัติงบประมาณโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประกอบกับมีงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เซ็นสัญญาไปเมื่อปีที่แล้ว ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สุวรรณภูมิเฟส 2 การพัฒนาท่าเรือ การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ซึ่งเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนธุรกิจก่อสร้าง เชื่อว่าหากโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเติบโตขึ้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็จะเติบโตควบคู่กันไปด้วย อีกทั้งธุรกิจออนไลน์ที่เติบโตยังสนับสนุนภาคการขนส่งให้ดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่ต้องเฝ้าระวังในปีนี้ เช่น การเลือกตั้ง, นโยบายอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.5% และอาจมีการปรับเปลี่ยนในช่วงครึ่งปีหลัง,นโยบายเพิ่มค่าแรง ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนธุรกิจ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
"ปัจจัยที่น่าห่วงปีนี้ แม้ว่า กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น แต่หนี้ครัวเรือนก็ยังสูงอยู่ ภาคเกษตรยังไม่ใช่ตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ เพราะราคาสินค้ายังไม่คงที่ อสังหาริมทรัพย์ต่างจังหวัดยังมียอดคงค้างอยู่ ส่วนอุตสาหกรรมก็ต้องพิจารณาต้นทุนการผลิต"
สำหรับตลาดรวมรถบรรทุกปี 2560 ช่วงไตรมาสสุดท้ายตลาดรวมรถบรรทุกพลิกฟื้นเนื่องจากค่ายรถจัดโปรโมชั่น ส่งผลให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ติดลบเพียง 5% จากเดิมที่ติดลบประมาณ 10% หรือมียอดขายอยู่ที่ 16,293 คัน ส่วนรถบรรทุกขนาดกลางลดลงมาประมาณ 8.7% หรือมียอดขายอยู่ที่ 7,307 คัน ขณะที่ตลาดรวมทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่และขนาดกลางหดตัวลง 6.3% หรือมียอดขายอยู่ที่ 23,600 ในปี 2560
ทั้งนี้ ปัจจัยลบของปีที่ผ่านมา จากนโยบายภาครัฐ แม้ว่าจะประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) อยู่ที่ 3.9% แต่การกระจายตัวกลับอยู่ที่การท่องเที่ยว และการส่งออก ไม่ใช่ธุรกิจขนส่ง อุตสาหกรรมบางประเภทได้รับกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นไปด้วย ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบางโครงการไม่เกิดตามแผน ส่งผลต่อธุรกิจขนส่งวัสดุก่อสร้าง แต่ปีที่แล้วก็ยังมีปัจจัยบวกด้านการส่งออก การค้าขายชายแดน พม่า ลาว มาเลเซีย และกัมพูชา ปรับตัวดีขึ้น
กำลาภ กล่าวว่า ในส่วนของรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะเริ่มทำตลาดในทวีปยุโรปปีหน้า เป็นการเตรียมความพร้อมรับเทคโนโลยียานยนต์ ซึ่งในไทยนั้น คงต้องพิจารณาความคุ้มค่าทางธุรกิจ ปัจจัยด้านอินฟราสตรัคเจอร์ หากเงื่อนไขเหล่านี้พร้อมก็จะนำเข้ามาขายในไทยอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น