Test Honda Connect
ทดสอบการใช้งาน Honda Connect นวัตกรรมใหม่เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถ Honda ทุกคัน สามารถเช็ครถยนต์ ตรวจสอบความผิดปรกติ ได้เพียงแค่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
ต้องยอมรับเลยว่า เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของเราในทุกวันนี้พัฒนากันไปแบบก้าวกระโดดมาก ใครจะไปรู้ว่าเราจะสามารถตรวจสอบ เช็คสถานะ หรือแม้กระทั่งขอความช่วยเหลือได้เพียงแค่ปลายนิ้วได้ เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนที่เราๆ ทุกท่านมีกันอยู่แล้ว วันนี้ Honda ก้าวข้ามมาถึงจุดนี้เป็นที่เรียบร้อย ทาง AutoSpinn ก็ไม่รอช้ารีบไปนำมาทดสอบการใช้งาน "จริงๆ" ให้ได้ทราบกันว่า ระบบ Honda Connect สามารถทำอะไรได้บ้าง
เกริ่นนำกันสักนิดว่า ระบบคืออะไร Honda Connect เป็นการนำเทคโนโลยี Telematics ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะในการควบคุมการรับส่งข้อมูลทางไกล ที่ทำงานผ่าน แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และกล่องรับส่งอุปกรณ์ข้อมูลทางไกล (Telematics Control Unit หรือ TCU) ที่ติดตั้งอยู่บนรถยนต์ โดยกล่อง TCU จะมีหน้าที่เก็บข้อมูลสำคัญผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เพื่อจัดเก็บและประมวลผลโดย Cloud Technology พร้อมด้วยระบบ GPS
และสิ่งที่ผู้ใช้งานรถ Honda อยากทราบก็คือรถยนต์คันใดบ้างที่ติดตั้งกล่อง TCU นี้ได้ รายละเอียดรถยนต์ที่ติดตั้งได้จะมีตามนี้
Brio / Brio Amaze ปี 2016-2017 City / Jazz ปี 2014-2017
Mobilio ปี 2014-2017 BR-V ปี 2016-2017
Civic ปี 2012-2017 Civic Hatchback ปี 2017
CR-V ปี 2012-2017 HR-V ปี 2015-2017
Accord ปี 2013-2017 Odyssey ปี 2014-2017
สำหรับรุ่นที่ติดตั้งไม่ได้จะเป็นในส่วนของ Honda Accord Hybrid, Civic Hybrid, Jazz Hybrid และกลุ่มรถยนต์นำเข้าอย่าง Honda Freed, Step Wagon และ CR-Z ใครสนใจลองเช็คกันดูว่ารถยนต์ที่คุณใช้งานตรงกับข้อมูลหรือไม่อย่างไรกันนะครับ
หลังจากติดตั้ง แอปพลิเคชั่น Honda Connect Thai ที่มีให้โหลดได้ทั้ง iOS และ Android ทำการล็อคอินเข้าสู่ระบบก็จะพบกับหน้าจอแรกที่แสดงถึง รุ่นรถยนต์ของเรา เวลา วันที่ ปัจจุบัน พร้อมกราฟฟิก มาตรวัด 2 มาตรวัด เด่นเป็นสง่าที่แสดงถึง ระดับน้ำมันที่มี รวมไปถึงอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ซึ่งเราสามารถกดอัพเดตได้ตลอดเวลาด้วยปุ่ม อัพเดตสถานะ เพื่อทราบข้อมูล ณ ปัจจุบัน ได้ และสามารถเช็คได้ตลอดเวลาว่ารถสตาร์ทอยู่หรือไม่บริเวณมุมขวาบน
ข้อดีคือกราฟฟิกอ่านงาน เส้นรอบแสดงมาตรวัดก็มีสีให้เห็นเมื่อปริมาณน้ำมัน หรืออุณหภูมิน้ำหล่อเย็นอยู่ในระดับปรกติ ก็จะเป็นสีฟ้า และเขียว ตามลำดับ แต่เมื่ออยู่ในระดับที่ควรเติมก็จะแสดงเป็นสีส้มให้เราทราบทันทีให้ทราบ ถัดลงมาจะพบกับสถานะรถยนต์ หากไม่มีการแจ้งเตือนคือรถยนต์ยังอยู่ในสภาวะปรกติ แต่หากมีส่วนใดผิดปรกติขึ้นมา แถบจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สามารถกดเข้าไปดูเพื่อทราบรายละเอียดความผิดปรกติของรถได้ทันที
ถัดลงมาแถบแจ้งเตือนพิกัดรถยนต์ ในส่วนนี้ถือว่าสำคัญและมีประโยชน์มาก หากรถยนต์โดนถอดขั้วแบตเตอรี่ หรือมีการตัดระบบไฟต่างๆ ระบบจะแจ้งเตือนขึ้นมาเราสามารถกดเข้ารายงานพิกัดรถยนต์เพื่อให้ระบบส่งข้อมูลว่ารถอยู่ที่ไหนอย่างไรเข้าทาง E-mail เราได้ทันที และสุดท้ายแถบแจ้งเตือนถุงลม ในส่วนนี้ถ้ามีการทำงานของถุงลมระบบจะแจ้งไปยัง Call Center อัตโนมัติเพื่อให้ Call Center แจ้งพิกัดและส่งรถกู้ภัย รวมไปถึงให้ความช่วยเหลือเราได้ทันที
โดยรายละเอียดของระบบช่วยเหลือต่างๆ สามารถกดดูได้ใน Tab SOS ด้านล่างซ้ายหลังจากกดมาจะพบปุ่มต่างๆ มากมายทั้ง SOS, 24 hrs. Road Side Assistance, Police, Insurance, Dealer และ Ambulance ซึ่งทั้งหมดเราสามารถแก้ไขข้อมูล หรือเพิ่มเติมเบอร์โทรเข้าไปได้ เพื่อการช่วยเหลือเมื่อเรามีปัญหาจะได้เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและไหลลื่น
ถัดมาข้างๆ Tab SOS จะพบหน้าจอข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ ในส่วนนี้ผมค่อนข้างชอบเป็นพิเศษเนื่องจากระบบจะแสดงโชว์การขับขี่ของเราทั้งหมด ทั้งช่วงเวลาในการใช้รถยนต์ (บริเวณวงสีส้มหมายถึงขับขี่ช่วงกลางวัน/และสงสีฟ้าคือการขับขี่ช่วงกลางคืนในวันนั้นๆ) พร้อมทั้งสรุปข้อมูลระยะการเดินทาง และเวลาการใช้งานทั้งหมดของวันนั้นๆ อีกด้วย
หากกดเข้าไปจะพบรายละเอียดการใช้งานรถยนต์ในวันนั้นๆ แบบละเอียดขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นขับช่วงกลางวันกี่นาที ช่วงกลางคืนกี่นาที ระยะทางทั้งหมด เวลาทั้งหมด ความเร็วสูงสุดที่ใช้ในวันนั้นๆ ความเร็วเฉลี่ยในวันนั้นๆ %การเบรคกระทันหัน และ%การเร่ง (คิกดาวน์) กระทันหัน ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถยนต์มาก เพราะส่วนใหญ่เราจะไม่รู้พฤติกรรมการขับขี่ของเราเองเท่าไรนัก
ในส่วน Tab ขวาบน Trip Log เราสามารถบันทึกรายละเอียดทริปการเดินทางในแต่ละทริป ซึ่งเราสามารถบันทึกได้ทั้ง ช่วงเวลาการเดินทาง วัน เดือน ปี เวลาเริ่มต้น เวลาสิ้นสุด ระยะเวลาและระยะทาง เส้นทาง ได้ โดยเราสามารถตั้งชื่อทริป และแชร์ลง Facebook เรียกง่ายๆ ว่าทำเป็น ไดอารี่ เก๋ๆ ได้เช่นเดียวกัน ทางด้านเส้นทางการเดินทางหรือ Map ก็มีลูกเล่นต่างๆ มากมายให้ได้ใช้
ถัดมากับ TAB ค้นหาเส้นทางฟังก์ชั่นในนี้ก็มีมากมายหลากหลายทั้ง Find My Car, Dealer, ATM, Favourites, Gas Station, Convenience Store ทั้งหมดล้วนใช้งานในประเทศไทยได้จริงๆ มาเริ่มต้นกันที่ Find My Car เมื่อกดเข้าไปจะแสดงข้อความว่า พิกัดรถยนต์จะถูกส่งไปที่อีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้ คุณ OK มั้ย ถ้ากด OK ระบบก็จะส่งอีเมล พร้อมแจ้งพิกัดมาให้โดยสามารถเปิดดูได้ใน Google Maps เช่นเดียวกัน สะดวกมากๆ
ในส่วนฟังก์ชั่น Dealer ก็ตามชื่อเลยเมื่อกดเข้าไป จะมีรายชื่อ Dealer Honda ทั้งหมดขึ้นมาโดยระบบจะแจ้งด้วยว่า เราออกรถยนต์คันนี้ที่ Dealer ไหน และเข้ารับบริการครั้งล่าสุดที่ Dealer ไหน รวมไปถึง Dealer ที่ใกล้ที่สุด ณ บริเวณที่เราอยู่นั้นๆ พร้อมทั้งรายละเอียดที่อยู่ และระยะทางระหว่างเราและ Dealer นั้นๆ แบบละเอียดยิบ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์มากเมื่อเราไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยแล้วรถยนต์เกิดปัญหาขึ้น ระบบนี้ก็ช่วยเหลือท่านได้
ถัดมา ATM เมื่อกดเข้าไประบบจะโชว์จุดบริการตู้ ATM ที่ใกล้ เราบริเวณนั้นที่สุดพร้อม รายละเอียดเส้นทาง ระยะห่าง เช่นเดียวกันกับ Gas Station ที่จะโชว์ปั้มน้ำมันที่ใกล้ที่เราสะดวกที่สุด ณ จุดจุดนั้นโชว์ให้เห็นพร้อมรายละเอียดผ่าน Maps กันเลยทีเดียว สำหรับนักเดินทางฟังก์ชั่น Favourites ก็สามารถเพิ่มเติมข้อมูลที่เราเดินทางไปเป็นประจำๆ ได้ตามต้องการ
และสุดท้ายกับ Convenience Store หลักการเหมือนกันกับฟังก์ชั่น Gas Station และ ATM คือโชว์จุดบริการร้านสะดวกซื้อในบริเวณนั้นทั้งหมด โดยระบบในหน้านี้จะเชื่อมต่อกับ Google Maps ที่เราคุ้นเคยทุกบริการ สามารถกดเพื่อส่งต่อเข้าแอป Google Maps เพื่อใช้งานบริการนำทางต่อได้ทันที นำว่าเพิ่มเติมความสะดวกมากขึ้นทีเดียว
และฟังก์ชั่นสุดท้ายบริเวณมุมขวาล่างสุดที่เป็นรูปซองจดหมาย คือข่าวสารเกี่ยวกับ Honda ที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นต่างๆ งานกิจกรรมต่างๆ ที่จะขึ้น โดยระบบจะอัพเดตข้อมูลให้ชาว Honda ทุกท่านทราบกันอย่างละเอียดเลยว่า ช่วงนั้นๆ มีกิจกรรมอะไรบ้าง มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง ชาว Honda ไม่ควรพลาดจริงๆ
อ่านมากันถึงตรงนี้แล้ว หลายคนน่าจะสนใจระบบนี้แล้ว สำหรับใครที่สนใจติดตั้ง Honda Connect สามารถติดต่อศูนย์บริการ Honda ใกล้บ้านของท่าน เพื่อเข้ารับการติดตั้งกล่องอุปกรณ์รับส่งข้อมูลทางไกล Telematics Control Unit หรือ TCU กันได้เลย ด้วยราคาจำหน่ายที่ 5,900 บาท (ฟรีค่าติดตั้ง และค่าสัญญาณเครือยข่ายโทรศัพท์เพื่อการส่งข้อมูลรายปี รวม 2 ปี) พร้อมดาวโหลดแอปพลิเคชั่น Honda Connect Thai ที่มีทั้งระบบ iOS เวอร์ชั่น 8.0 ขึ้นไป และระบบปฎิบัติการ Android เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป ส่วนรถยนต์ที่ติดตั้งได้สามารถเช็คได้จากข้อมูลด้านบนบทความเลยนะครับ
สรุปโดยรวมจากการที่ผมทดลองใช้แล้ว ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ใช้งานรถยนต์ Honda แค่ระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินเมื่อรถยนต์มีการทำงานของ ถุงลมนิรภัย ก็คุ้มสุดๆแล้ว เพราะถ้าเราเกิดอุบัติเหตุหนักจริงๆ คงไม่มีสติมาโทรขอความช่วยเหลือเอง ในส่วนนี้ก็เป็นหน้าที่ของ Call Center ที่จะส่งพิกัดรถยนต์เราไปให้ ตำรวจ รถฉุกเฉิน รถพยาบาล รวมไปถึงประกันภัยให้เราแบบอัตโนมัติและรวดเร็ว
รวมไปถึงระบบเช็คพิกัดรถยนต์ที่สามารถเช็คได้ตลอดเวลาว่า ณ ตอนนั้นๆ รถยนต์เราอยู่ที่ไหน หากมีการเคลื่อนย้ายหรือถูกตัดสายแบตก็แจ้งเตือนฉุกเฉินเช่นเดียวกัน แถมยังมีฟังก์ชั่นๆ อำนวยความสะดวกมากมายหลากหลาย ทั้งค้นหาปั้มน้ำมัน ค้นหาตู้ATM รายละเอียดการขับขี่ของเราในแต่ละวันที่บอกได้ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว
เอาเป็นว่าเป็น นวัตกรรมใหม่จาก Honda ที่เพิ่มความมั่นใจในการใช้รถยนต์ให้กับเรารวมไปถึงอุ่นใจในทุกการเดินทางด้วยระบบความปลอดภัยและการช่วยเหลือต่างๆ ที่น่าสนใจมาก แถมไม่ต้องกังวลว่าเวลาไปในที่ไกลๆ ระบบจะมีสัญญาณหรือไม่ เพราะระบบนี้ได้ติดตั้ง Sim แบบ E-Sim ที่มีความเสถียรมาก ระบบจะตรวจจับว่าสัญญาณโทรศัพท์ค่ายใดในบ้านเราที่มีความแรงที่สุดในบริเวณนั้น และจะใช้งานทันที เอาเป็นว่าใช้ได้หายห่วงทุกพื้นที่ ใครชอบก็ลองติดต่อศูนย์บริการ Honda ใกล้บ้านท่านกันได้เลยนะครับผม
ทดสอบและเขียนรีวิวโดย AddCoke
ติดตามข่าวสารอัพเดตเพิ่มเติม ได้ที่นี่
ค้นหารถยนต์มือสองสภาพดีการันตีจาก วันทูคาร์ ได้ที่นี่
ความคิดเห็น