รถกระบะเป็นรถที่เราสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ ไม่ว่าจะใช้กับงานที่สมบุกสมบัน ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อการผจญภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ขับขี่ แต่ไม่ว่าจะใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้งานคนอื่นๆ ต่างให้ความไว้วางใจรถกระบะในด้านขุมกำลัง แรงม้า แรงบิด และพื้นที่ในการบรรทุกสินค้าที่กว้างขวาง เพื่อให้งานต่างๆประสบผลสำเร็จ
จากการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า เหตุผล 3 อันดับแรกในการเลือกซื้อรถกระบะ ได้แก่ ความหลากหลายในการใช้งาน การขนส่งสินค้า และการตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัว ขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ที่ได้รับจากเครื่องยนต์อันทรงพลังของรถกระบะ
ตามที่ผู้ใช้รถกระบะอย่างสมบุกสมบันกล่าวไว้ รถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล เช่น เครื่องยนต์ ดูราแมกซ์ของเชฟโรเลต โคโลราโด มีศักยภาพในการลากจูงที่เหนือชั้น และประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ลากจูงในระยะทางไกล หรือการขับขี่ข้ามภูเขาหรือที่ราบสูง ขุมพลังดูราแมกซ์ไม่เพียงแค่ให้แรงบิดที่มากขึ้น แต่ยังมีความทนทาน และประหยัดน้ำมันขึ้น
เครื่องยนต์ดูราแมกซ์รุ่นเดียวกันนี้ยังเป็นขุมพลังของรถเอสยูวีระดับพรีเมี่ยม 7 ที่นั่ง เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ซึ่งได้รับการพูดถึงภายในห้องโดยสารที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายสำหรับผู้โดยสาร บรรทุกสัมภาระและมีความทนทาน
เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซินที่มีเครื่องยนต์แบบเดียวกันถึง 25 – 30% อีกทั้งยังง่ายต่อการบำรุงรักษา ไม่ต้องใช้หัวเทียนหรือจานจ่าย ทำให้ไม่ต้องมีการปรับระบบการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ดีเซลอย่างดูราแมกซ์ ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร ซึ่งผลิตที่ศูนย์การผลิต จีเอ็ม ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง มักมีอายุการใช้งานที่นานกว่าเครื่องยนต์เบนซิน และมีมูลค่ามากกว่า ทำให้รถยนต์มีราคาขายต่อที่สูงกว่า
นอกจากนี้ งานวิจัยอื่นยังแสดงให้เห็นว่า ต้นทุนในการเป็นเจ้าของรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งรวมถึงค่าเสื่อมราคา ค่าน้ำมัน การซ่อมแซม การบำรุงรักษา ค่าประกัน ค่าธรรมเนียมและภาษี มักจะมีราคาต่ำกว่าต้นทุนในการเป็นเจ้าของรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินในรถรุ่นเดียวกันตั้งแต่ 2,000 - 7,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 66,000 – 233,000 บาท ภายในระยะเวลาสามถึงห้าปี
ชัชวาล จันทเขต ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ จีเอ็ม ประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "ลูกค้าสามารถวางใจในความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมดีเซลของจีเอ็มได้ เพราะเราได้สร้างเครื่องยนต์ดีเซลมาแล้วจำนวนหลายล้านเครื่อง และเราถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว และจีเอ็ม เพาเวอร์เทรน ประเทศไทย คือศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”
จีเอ็ม เพาเวอร์เทรน ประเทศไทย ได้นำระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต เพื่อเพิ่มความแม่นยำและสร้างคุณภาพในการผลิต โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานไร้ฝุ่นและมีการควบคุมอุณหภูมิเพื่อจัดการกับความชื้น และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในการผลิตเครื่องยนต์ที่มีคุณภาพ
เครื่องยนต์ดูราแมกซ์คุณภาพระดับโลกที่จีเอ็ม เพาเวอร์เทรน ประเทศไทย ส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในเชฟโรเลต โคโลราโด ในตลาดอเมริกาเหนือ ผ่านกระบวนการประเมิน
ประสิทธิภาพที่เข้มงวดแบบเดียวกันกับเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ที่มีความจุกระบอกสูบ ขนาด 6.6 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ในตำนานที่ผ่านการทดสอบโดยใช้ไดนาโมมิเตอร์ หรือระบบทดสอบมอเตอร์และเครื่องยนต์ กว่า 35,000 ชั่วโมง เพื่อการพัฒนา ทดสอบความล้า (Fatigue testing) และการทดสอบการต้านทานอุณหภูมิ (Thermal cycling)
เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกมาหลายปีนั้น เป็นที่รู้จักในด้านคุณภาพที่โดดเด่น ไว้วางใจได้ และมีความทนทาน เครื่องยนต์ดังกล่าวมาพร้อมกับเครื่องยนต์เพลาข้อเหวี่ยงที่ทำจากเหล็ก ก้านสูบผลิตจากเหล็ก ชื้นส่วนเสื้อสูบที่ผลิตจากเหล็กหล่อ เสื้อเพลาถ่วงดุลทำจากเหล็กหล่อ ลูกสูบหล่อเย็นด้วยระบบน้ำมันเครื่อง และเทอร์โบแปรผันระบายความร้อนด้วยน้ำ
ลัทธพล อติชาดศรีสกุล เจ้าของ บริษัท ทรัพย์อนันต์บางใหญ่ ผู้ดำเนินธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างในบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี รับรองถึงความทนทาน ความเที่ยงตรง และพลังของเครื่องยนต์ ดูราแม็กซ์ ถึงแม้จะผ่านการใช้งานอย่างหนักมาหลายปี เขายังคงสามารถใช้งานเชฟโรเลต โคโลราโด Z71 รุ่นปี 2012 ที่มีเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ขนาด 2.8 ลิตร เพื่อขนย้ายเสาเข็มเหล็กที่มีน้ำหนักมากไปยังไซต์งานก่อสร้างได้ นอกจากนี้ รถยังสามารถลากจูงรถคันอื่นโดยใช้ข้อต่อได้เช่นกัน ซึ่งแสดงถึงสมรรถนะที่เหนือชั้นของรถกระบะและขุมพลังเครื่องยนต์
นายลัทธพล กล่าวว่า “เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ตอบสนองความต้องการของผมได้อย่างแท้จริง เพราะผมต้องบรรทุกของหนัก ดังนั้น ผมจึงต้องการเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูง ผมจึงประทับใจมากกับความทนทานและสมรรถนะของเครื่องยนต์ดูราแมกซ์”
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น โคโลราโดใหม่ รุ่นปี 2019 สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 1,085 กิโลกรัม ซึ่งเปรียบเทียบได้กับน้ำหนักลูกช้างเอเชีย 10 ตัว และลากรถเทรลเลอร์ที่มีระบบเบรกซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 3,500 กิโลกรัมได้ ซึ่งเป็นน้ำหนักเฉลี่ยของช้างเอเชีย
ด้านนราธิป โคตุดร ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายขนมหวานที่ตลาดสำโรงในกรุงเทพฯ เผยว่า “ผมรู้สึกประทับใจกับสมรรถนะของโคโลราโด รุ่นปี 2012 จึงได้ตัดสินใจซื้อรถยนต์เชฟโรเลตอีกคันหนึ่ง ซึ่งคือโคโลราโดรุ่นปี 2017 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ขนาด 2.5 ลิตร เพื่อใช้ในการขนส่ง ขนมหวานที่มีความต้องการมากขึ้น ผมประทับใจเป็นพิเศษในการขับเคลื่อนรถกระบะโคโลราโดที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดในรอบเครื่องต่ำ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเครื่องยนต์ดูราแมกซ์”
นราทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ตอบสนองต่อความต้องการในชีวิตประจำวันของผมได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่ารถยนต์เชฟโรเลตโคโรลาโดใหม่จะเป็นรถคันต่อไปที่ ผมจะซื้อ เพราะผมต้องการขยายธุรกิจของผมและนำสินค้ามาขายเพิ่มมากขึ้น"
ความคิดเห็น