ผ่านการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในทุกๆโมเดล และหนึ่งในรุ่นยอดนิยม อย่างไวล์ดแทรค กับอุปกรณ์ตกแต่งอย่างครบครัน เราจะมาดูการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมอะไรบ้าง
ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ มีขุมพลังเดียวกับ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ เป็นที่สุดของขุมพลังที่มีในฟอร์ด เรนเจอร์ ที่มอบกำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขาดก็เพียงแค่ระบบการขับขี่ที่ไม่สามารถปรับได้เหมือน แร็พเตอร์ พละกำลังนั้นไม่แตกต่างกัน
ด้านการขับขี่ทางทีมงานได้ทดสอบแบบสั้นๆกับการทดสอบในสนามแบบปิดทั้ง 2 รุ่น ไวล์ดแทรคและแร็พเตอร์ ทำให้เห็นถึงข้อแตกต่างอย่างชัดเจน สิ่งใหม่สำหรับสำหรับไวล์ดแทรค คือเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังมากกว่าเก่า หลายท่านคงคาดหวังว่าจะมีความแรงอย่างกับรถแข่งด้วยแรงม้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งผิดไปเพราะด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ที่มีเทอร์โบ 2 ลูกนั้นในรอบต้น นั้นไม่ได้ออกแบบกระโชกโฮกฮาก เรียกว่าออกตัวแบบผู้ดีมาเรียบๆแต่เรื่อยๆ พละกำลังที่ออกมาอย่างเต็มที่จะอยู่ในช่วงตอนกลางและปลายมากกว่าซึ่งไม่ต่างจากเครื่อง 3.2 มากนักแต่ที่แน่ๆน่าจะประหยัดน้ำมันขึ่นแน่นอน แต่แอบบอกกันเลยว่าถ้าใครต้องการแรงต้นนั้น เทอร์โบเดียวให้การตอบสนองที่ดีกว่า ช่วงล่างที่ถูกปรับเปลี่ยนให้นุ่มขึ้นแต่ให้การทรงตัวที่ดีทำให้มันใจในการขับขี่ได้มากขึ้น พวงมาลัยคมขึ้นควบคุมได้ไวขึ้นอย่างชัดเจน ระบบความปลอดภัยที่ให้มานั้นได้ทดลองใช้ (บางอย่าง) ในสถานที่ปิดที่ควบคุมได้นั้น เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อรถมีอาการโยนตัวหลุดออกจากถนนระบบจะทำการควบคุมรถให้เข้ามาในเลนอีกครั้ง เบรคมั้นใจมากขึ้น สิ่งเล็กๆน้อยๆที่น่าประทับใจคือฝาท้ายซึ่งออกแบบมาให้มีตัวช่วยผ่อนแรง มีประโยชน์มาก โดยรวมภาพภายนอกอาจดูเปลี่ยนแปลงน้อยไปหน่อยแต่ระบบต่างๆที่เพิ่มเติมขึ้นมานั้นดีกว่าตัวเดิมแน่นอน
นอกเหนือจากเทคโนโลยีต่างๆที่ช่วยในการขับขี่แล้ว ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรคยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่มีเพิ่มขึ้นและอุปกรณ์ต่างๆด้วยมากกว่าเดิม
* ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ
Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
* ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ช่วยให้การจอดรถง่ายขึ้น เพียงผู้ขับขี่เปิดใช้งานและคอยควบคุมเบรก เกียร์ ระบบจะควบคุมพวงมาลัยรถให้เข้าจอดในพื้นที่จอดโดยอัตโนมัติ
* ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) เพื่อความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวและได้รับความบันเทิงสูงสุด
เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ เป็นที่สุดของขุมพลังที่มีในฟอร์ด เรนเจอร์ ที่มอบกำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เพื่อการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นสำหรับการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและออฟโรด
เครื่องยนต์ใหม่อันเป็นทางเลือกใน ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรคนี้ยังคงสมรรถนะที่เหนือชั้นในการบรรทุก 961 กิโลกรัม และลากจูงได้สูงถึง 3,500 กิโลกรัม ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยโครงระบบส่งกำลังที่ทันสมัยทำให้ใช้น้ำมันน้อยกว่า แต่ให้สมรรถนะและความสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งการขับขี่บนทางเรียบและออฟโรด
อุปกรณ์มาตรฐานในฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค
เครื่องยนต์
Bi-Turbo
* เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตรพร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร
* เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตรพร้อมเทอร์โบคู่ (Bi-Turbo) กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร (เฉพาะรุ่น 4×4)
VG Turbo Intercooler
อุปกรณ์ภายนอก
จุดช่วยผ่อนแรงฝาท้าย
* ล้ออัลลอย 18” พร้อมยางขนาด 265/60 R18
* ไฟหน้า HID โปรเจกเตอร์ พร้อมไฟวิ่งกลางวัน LED
* ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift
* ไฟตัดหมอกหน้า LED
* ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
* สปอร์ตบาร์และราวหลังคา
* พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลต์
อุปกรณ์ภายใน
* กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
* ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
* เบาะหนัง
* คอนโซลทำความเย็น Cool Box
* ระบบกุญแจ My Key
* หน้าจอข้อมูลบนหน้าปัดแบบสี ขนาด 4.2 นิ้ว 2 จอ
* เครื่องเสียง
* ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC™3 ภาษาไทย
* จอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว
* รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
* ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient light
* ช่องต่อไฟ 230V
* ปรับเบาะที่นั่งคนขับแบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง
* ชุดตกแต่งภายในแบบไวล์ดแทรค
* ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (เฉพาะรุ่น 4×4)
* ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (เฉพาะรุ่น 4×4)
* ระบบนำทาง Navigation
ความปลอดภัย
* ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance
* กล้องมองหลังขณะถอยจอด
* ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control
* ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง (TSC) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (ROM)
* สัญญาณกันขโมย
* ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC (เฉพาะ 4×4)
* เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (เฉพาะ 4×4)
* ถุงลมนิรภัยเพิ่มเป็น 6 จุด: คู่หน้า / ด้านข้าง / และม่านถุงลมนิรภัย
* สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า
* เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential
* เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ (Advanced- Driving Assist technology) (เฉพาะ 4×4)
* ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB)
* ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
* ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
* ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
* ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
* ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)
สุดท้ายกับการทดสอบเบื้องต้น คำถามจากหลายๆคน ซึ้อไวล์ดแทรคมาแต่งก็เหมือนแร็พเตอร์ได้หรือ บอกได้เลยจากใจทีมงานว่าไม่ได้ครับ เนื่องจากเริ่มต้นตั้งแต่คัสซีที่แตกต่างกันช่วงล่างที่เป็นคอยล์สปริง ฐานล้อที่กว้างกว่า โหมดการขับขี่ถึง 6 แบบที่แร็พเตอร์มี และสิ่งที่ชัดเจนมากในการขับขี่จะเห็นได้ถึงประสิทธิภาพของช่วงล่างที่ออกแบบมาสำหรับตัวรถไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นอย่างไรการทรงตัวของรถทำได้ดีมาก สิ่งที่แต่งแล้วเหมือนกันคือการตกแต่งภายนอกเครื่องยนต์ที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน แต่สมรรถนะในการขับขี่นั้นแตกต่างอย่างชัดเจน คุณภาพมาพร้อมค่าตัว
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสองเชิญที่นี่
ความคิดเห็น