ยีเอส แบตเตอรี่ รุกตลาดอาเซียน มั่นใจเติบโตต่อเนื่อง รั้งอันดับหนึ่งตลาดแบตเตอรี่ไทย

“ยีเอส แบตเตอรี่” เผยงบลงทุนจนถึงปี  2563 สูงถึง 1 พันล้านบาท ในการเพิ่มการผลิตให้แตะ 5 ล้านลูก ป้อน OEM REM และ Export และการเปิดโรงงานแห่งใหม่ในประเทศพม่า  ครองความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่เมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง

ประกาสิทธิ์  พรประภา กรรมการด้านการวางแผนกลยุทธ์องค์กร สยาม ยีเอส แบตเตอรี่ เปิดเผยว่า ในปีนี้ นับเป็นปีที่ 50 ที่ GS Battery เข้ามารุกตลาดในประเทศไทย และ ได้ก่อตั้งโรงงานผลิตในประเทศ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4 ล้านลูกต่อปี GS Battery สามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางการจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ทดแทน (REM) และช่องทาง OEM ถือเป็นความสำเร็จจากการได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้บริโภค และบริษัทรถยนต์มาอย่างยาวนาน

นอกเหนือจากการมุ่งมั่นพัฒนาทั้งทางด้านการขาย และการผลิตเพื่อทำตลาดภายในประเทศแล้ว ทาง GS Battery ได้เล็งเห็นถึงความต้องการของแบตเตอรี่ในภูมิภาคอาเซียน จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะขยายการทำตลาดในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น จึงได้ตั้งงบประมาณในการลงทุนในการเพิ่มกำลังการผลิตทั้งในโรงงานในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวม 1 พันล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 750 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตจาก 4.5 ล้านลูก เพิ่มเป็น 5 ล้านลูกต่อปี และ 250 ล้านบาทที่ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการเข้าไปลงทุนเปิดโรงงานแบตเตอรี่ที่นิคมอุสาหกรรมติละวา ในประเทศเมียนมาร์แล้ว โดยจะเริ่มปฏิบัติการได้ในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากเล็งเห็นการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน 5 ปี ที่ผ่านมา รวมไปถึงในประเทศมาเลเซียที่ได้เข้าไปซื้อหุ้นของโรงงานผลิตในพื้นที่เขตปีนัง เพื่อที่จะสามารถบริการลูกค้าและตลาด OEM ในประเทศได้อย่างทั่วถึง รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ในอาเซียนอย่าง ลาว และกัมพูชา ขณะเดียวกันเรามีการประสานงานกับบริษัทแม่เพื่อที่จะส่งออกไปในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย จีน และตะวันออกกลางอีกด้วย

ในส่วนของผลประกอบการในปีที่ 2560 ที่ผ่านมา สยามยีเอสเซลล์ มียอดเติบโต ร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และในปี 2561-2562 สยามยีเอสมีเป้าหมายที่จะเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทั้ง  2 ปี เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับ 1 แบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทย

สำหรับในปี 2561 ตลาดรถยนต์ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในหมวดรถยนต์นั่ง ซึ่งจะมีการเปิดตัวใหม่ออกมาอีกหลายรุ่น และกำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งคาดว่าตลาดรถยนต์รวมปี  2561 น่าจะสามารถทำตัวเลขยอดขายได้กว่า 900,000 คัน คิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับปี 2560 ประกาสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสองเชิญที่นี่