บ๊อช แนะวิธีดูแลใบปัดน้ำฝนให้มีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น Share this

บ๊อช แนะวิธีดูแลใบปัดน้ำฝนให้มีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 31 August 2561

ใบปัดน้ำฝนถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์และมีความสำคัญต่อความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งมักจะถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง  ผู้ขับขี่มักจะตระหนักถึงความผิดปกติของใบปัดน้ำฝนก็ต่อเมื่อใบปัดน้ำฝนไม่อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมกับการใช้งาน เมื่อเกิดอุปสรรคต่างๆ ในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นฝน หรือสิ่งสกปรก จึงส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนน และผู้สัญจรอื่นๆ บนท้องถนน

ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมักเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนัก และสาเหตุหลักประการหนึ่งคือทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่ที่ลดลง บ๊อช ขอแนะให้ผู้ขับขี่ควรทำการดูแลรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนตามระยะเวลาที่กำหนด และเลือกใช้ใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพจากผู้ขายที่เชื่อถือได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ดังกล่าว” กุลธัช บุญบงการ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ บ๊อช ประเทศไทยกล่าว

ข้อแนะนำจาก บ๊อช เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นในขณะขับขี่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกหนักอย่างเช่นช่วงฤดูมรสุมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

  1. ซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพ จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานยาวนานขึ้น
  2. ดูแลบำรุงรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น โดยการใช้น้ำสะอาดและผ้าทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน ไม่ควรใช้น้ำยาล้างรถยนต์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ เพราะจะลดประสิทธิภาพสารเคลือบยางของใบปัดน้ำฝน หรือ เปิดใช้งานใบปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะก่อนออกเดินทาง หรือทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพื่อช่วยให้ยางใบปัดน้ำฝนคงสภาพการใช้งาน ไม่แห้งแตก เสมือนได้รับการใช้งานอยู่เป็นประจำแม้ว่ารถจะไม่ใช้งานเป็นประจำก็ตาม
  3. เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี รวมถึงคอยตรวจเช็คหลังจากการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว 6 เดือน
  4. คอยตรวจเช็คกระจกหน้ารถสม่ำเสมอ เพื่อดูว่ามีรอยแตกหรือบิ่นที่เกิดจากเศษหินหรือไม่ และทำความสะอาดด้วยผ้า จากนั้นจึงใช้น้ำยาเช็ดกระจกเพื่อขจัดฝุ่นละอองและคราบน้ำมัน

  5. หลีกเลี่ยงการยกใบปัดน้ำฝนออกจากกระจกหน้ารถในขณะที่รถยนต์จอดอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศที่ร้อน เพราะอาจทำเกิดความเสียหายต่อสปริงและก้านปัดน้ำฝนในระยะยาวได้

“ใบปัดน้ำฝนบางชนิดถูกผลิตจากเนื้อยางสูตรพิเศษเพื่อให้ทนต่อสภาพสภาพอากาศร้อนเช่นประเทศไทย ใบปัดน้ำฝนทุกชนิดมีอายุการใช้งานที่จำกัด และมีหลายปัจจัยที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝน ยางของใบปัดน้ำฝนควรจะคงความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี แต่การที่ต้องเผชิญสภาพอากาศที่ร้อน และแสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนื้อยางเกิดการแข็งตัว และเสื่อมคุณภาพตามกาลเวลา ดังนั้น ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนก่อนที่คุณภาพจะเสื่อมลงจนส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็นในขณะขับขี่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิด อุบัติเหตุทางท้องถนน และโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ผู้ขับขี่มักจะทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเพิ่มมากขึ้น” กุลธัช กล่าวเสริม

ประสิทธิภาพ และความคงทนของใบปัดน้ำฝนส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการออกแบบและสูตรผสมของเนื้อยาง โดยปกติแล้วรูปแบบของใบปัดน้ำฝนจะมีอยู่ 3 ประเภท คือ ใบปัดน้ำฝนแบบใบปัดแบบไร้โครง  แบบธรรมดา และแบบผสม ซึ่งสองประเภทหลังจะมีที่หนีบหรือข้อต่อ โดยจะมีแรงกดทับบนบานกระจกระหว่างการใช้งานสูง ซึ่งส่งผลให้ใบปัดน้ำฝนประเภทนี้เสื่อมสภาพเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ ใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปจะผลิตมาจากยางซิลิโคน ยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์จากสูตรที่แตกต่างกัน ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานและความทนทานจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าใบปัดน้ำฝนมีความโค้งพอดีรับกับความนูนของกระจกหน้ารถยนต์ที่ใช้งานอยู่หรือไม่

บ๊อช ได้พัฒนาใบปัดน้ำฝนชนิดไร้โครงรุ่น “แอโรทวิน (Aerotwin)” ซึ่งจะประกอบด้วยชิ้นส่วนเดียวที่ไม่มีที่หนีบหรือข้อต่อใดๆ และใช้สปริงอีโวเดียม 2 ตัว ที่จะยึดความยาวทั้งหมดของใบปัดน้ำฝนทำให้เกิดแรงกดที่กระจายเท่ากันอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งใบ ทำให้มีทนทานมากยิ่งขึ้น ใบปัดน้ำฝนรุ่นแอโรทวินผ่านการทดสอบความทนต่อการใช้งานอย่างน้อย 500,000 รอบ เทียบเท่ากับการใช้งานแบบไม่หยุดนิ่งประมาณหนึ่งสัปดาห์ เนื้อยางสังเคราะห์เคลือบด้วยโพลิเมอร์ พาวเวอร์ โปรเทคชั่น พลัส ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบ๊อช ซึ่งทำให้ทนทานต่อสารในน้ำยาทำความสะอาดและความผันผวนของอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังเพิ่มอายุการใช้งานทำให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศเขตร้อนของประเทศไทยอีกด้วย

ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารและรถกระบะสามารถทำการติดตั้งใบปัดน้ำฝนรุ่นต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง สำหรับใบปัดน้ำฝนรุ่นแอโรทวิน รีโทรฟิต นั้นจะเหมาะกับรถยนต์เอเชีย และส่วนของรุ่นแอโรทวิน พลัส จะเหมาะสมกับรถยนต์ยุโรป โดยภายในบรรจุภัณฑ์จะมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ 4 ตัว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อต่อให้เข้ากับก้านใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปได้ถึง 10 แบบ ซึ่งครอบคลุมรุ่นรถยนต์ที่มีอยู่บนท้องถนนในปัจจุบันราวร้อยละ 94  นอกจากนี้ บ๊อช ยังมีใบปัดน้ำฝน แอโรทวิน OE ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมตรงตามสเปกรถรุ่นนั้นๆโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ และความคงทนสูงสุด

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ