Ferrari รถยนต์ที่ใครๆก็คิดถึงในวัยเด็กกับรถสปอร์ต แต่มาครั้งนี้ “Ferrari GTC4 Lusso T”ได้สร้างความแตกต่างด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิดรถยนต์แบบแกรนด์ทัวร์เป็นครั้งแรก พร้อมแนะนำระบบควบคุมการขับเคลื่อนจากล้อหลังเพิ่มเติมจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรก
ชื่อ GTC4 Lusso T อ้างอิงรุ่นก่อนที่มีชื่อเสียง เช่น 330 GTC หรือรุ่นใกล้เคียงกันแบบสี่ที่นั่งอย่าง 330 GT ซึ่งเป็นหนึ่งในรถรุ่นโปรดของเอ็นโซ เฟอร์รารี่ และรุ่น 250 GT Berlinetta Lusso ที่เป็นต้นแบบการผสมผสานกันอย่างชาญฉลาดระหว่างความหรูหราสง่างาม และสมรรถนะสูง โดยตัวเลข 4 แสดงถึงรูปแบบสี่ที่นั่งอันแสนสะดวกสบายของรถคัน
รถยนต์ที่เป็นที่สุดกับยอดยนตรกรรมคันนี้ได้ถูกออกแบบมา เพื่อผู้ที่ต้องการสัมผัส การขับขี่เฟอร์รารี่ในทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือการเดินทางไกล ในสภาวะถนนแบบไหน ภูเขา นอกเมืองหรือถนนในเมือง ขับขี่คนเดียวหรือมีผู้โดยสารผู้โชคดีร่วมเดินทางไปด้วยได้อีกถึงสามท่าน เพราะการออกแบบให้เบาะหลังนั่งได้สบายขึ้น และถ้าผู้ขับขี่ที่ต้องการเรียกกำลังจากเครื่องยนต์ ก็ตอบสนองได้อย่างทันใจ แต่ก็ยังคงความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ภาพลักษณ์ที่หรูหรา คล่องตัว กล่าวได้ว่า GTC4 Lusso T คันนี้มีความครบเครื่องในทุกๆด้าน
ครั้งนี้ทางทีมงาน ได้มีโอกาสได้ทดสอบ Ferrari GTC4 Lusso T ซึ่งทาง Lusso มีเครื่องยนต์ 2 รุ่นด้วยกันคือ แบบ NA ที่ใช้ขุมพลัง F140 เบนซิน V12 6.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 71.07 กก-ม. (697 นิวตันเมตร) ที่ 5,750 รอบ/นาที ส่งกำลังลงพื้นทั้ง 4 ล้อให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 335 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ F154 เบนซิน V8 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า (PS) ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 77.49 กก-ม. (760 นิวตันเมตร) ที่ 3,000-5,250 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านล้อหลังให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสอง แตกต่างกันหลักๆที่น้ำหนักเครื่องยนต์ V8 มีน้ำหนักเบากว่า 50 กิโลกรัม และมีแรงบิดที่มากกว่าเล็กน้อยแต่ที่เด่นคือแรงบิดนั้นสามารถเรียกใช้ได้ในรอบที่ต่ำกว่า V12 นั้นเอง
โหมดการขับขี่แบ่งได้ 5 โหมดการขับขี่
Ice : สำหรับใช้ในทางลื่นมากๆ เช่น การขับขี่บนพื้นน้ำแข็ง/หิมะ
Wet : สำหรับใช้เมื่อเวลาฝนตกแล้วเจอกับสภาพเส้นทางที่ค่อนข้างลื่น
Comfort : โหมดการทำงานพื้นฐาน ใช้ในการขับขี่ทั่วไป
Sport : ระบบช่วยเหลือในการควบคุมตัวรถบางอย่างจะถูกปิด เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสนุกกับการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น
ESC Off : ระบบช่วยเหลือทุกอย่างจะถูกปิด โดยอาศัยทักษะของผู้ขับขี่ในการควบคุมรถ 100%
และอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ปุ่มปรับการทำงานของช็อกอัพ” ให้มีความ “นุ่ม/หนืด” ได้ตามต้องการ
การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก Ferrari GTC4 Lusso T ได้รับการออกแบบโดยเฟอร์รารี่โดยปรับแต่งเพิ่มเติมให้เป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์แบบสองประตู ถ่ายทอดแนวคิดเส้นสายที่อวดความสง่างาม เพรียวบางและคล่องตัว จิตวิญญาณแห่งความเป็นรถสปอร์ตของยนตรกรรมคันนี้ได้ถูกเน้นย้ำโดยรูปลักษณ์ของเส้นสายด้านหลัง ที่ส่วนโค้งของหลังคาได้ลดระดับลงในขณะที่ยังคงรักษาพื้นที่และความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารสี่ท่าน เช่นเดียวกับช่องเก็บสัมภาระที่กว้างขวาง ไฟท้ายคู่อันเป็นสัญลักษณ์ของเฟอร์รารี่โดดเด่นที่ส่วนบั้นท้ายของตัวรถ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเน้นย้ำความสง่างามแข็งแกร่งของตัวรถ แต่ยังทำงานร่วมกับท่อไอเสียเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายพลังงานของตัวรถได้ดีอีกด้วย ซึ่งให้ความอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยของห้องเก็บสัมภาระส่วนท้ายเริ่มต้นที่ 450 ลิตร และจะเพิ่งสูงสุดที่ 800 ลิตร ล้อแม็ก Forged ขนาด 20 นิ้ว
การตกแต่งภายใน Ferrari GTC4 Lusso T รถคันนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อรังสรรค์ห้องโดยสารที่หรูหราแบบสปอร์ตอย่างไม่มีที่ติ ห้องโดยสารแบบคู่ได้รับการออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์อันสุนทรีย์ของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยที่นั่งตอนหลังติดตั้งหน้าจอแสดงผลส่วนตัวพร้อมหลากหลายฟังก์ชั่นการใช้งาน การออกแบบอันล้ำสมัยของห้องโดยสารนี้ยังรวมถึงความงดงามของวัสดุที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดี ผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มบรรยากาศขณะโดยสาร เบาะโดยสารอันกว้างขวางทั้งสี่ที่นั่งได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด และสร้างบรรยากาศเช่นเดียวกับห้องพักผ่อนที่กว้างขวางและหรูหรา นอกจากนี้ GTC4Lusso ยังเปิดตัวหน้าจออินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุดขนาด 10.25 นิ้ว ความคมชัดระดับสูง (HD) สั่งการด้วยเทคโนโลยีสัมผัส พวงมาลัยใหม่ถูกออกแบบให้กระชับด้วยขนาดของถุงลมนิรภัยที่เล็กลงและระบบควบคุมที่เหมาะกับการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์ที่โฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตยิ่งขึ้น พวงมาลัยที่ถูกออกแบบให้ปุ่มต่างๆให้ใช้งานได้ง่ายและอยู่รวมกันทั้งหมดที่พวงมาลัยเพื่อไม่ต้องปล่อยมือไปจากพวงมาลัย
สำหรับการทดสอบ ทีมงานรับรถออกจากโชว์รูม ใหญ่คาวาลลิโน มอเตอร์ ถนน เพชรบุรี ความรู้สึกแรกเหมือนนั่งอยู่ในรถแข่งด้วยปุ่มต่างๆที่จัดวาง ในตำแหน่งบนพวงมาลัยทั้งหมด สัมผัสแรกในการขับเป็นรถที่ขับขี่ง่ายกว่าที่คาดไว้ เพราะสิ่งที่คาดไว้ว่ารถ ซุปเปอร์คาร์ น่าจะให้ความรู้สึกกระชากตลอดเวลาในการขับขี่หรือกระด่างในระบบช่วงล่าง แต่ Lusso ให้อารมณ์เหมือนขับขี่รถบ้านหรู สมรรถนะดี มีความนุ่นไม่กระด่างแต่ให้ความรู้สึกเกาะถนน ในสภาวะรถติดในเมืองโหมดในการขับขี่แบบ comfort เดินคันเร่งเบาๆรถ ไม่มีอาการกระชากในการออกตัวในสภาพรถติดขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล
เสียงเครื่องยนต์เข้าห้องโดยสารเบาๆเรียกว่า เพราะพอให้รู้สึกถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ V8 เมื่อผ่านสภาพรถติดขึ้นทางด่วน ปรับเป็นโหมด sport เสียงเครื่องยนต์เปลี่ยนไปเล็กน้อยให้ความรู้สึก sport เร้าใจมากขึ้น บางช่วงสามารถทำความเร็วได้ ตัวรถพร้อมที่จะทยานไปข้างหน้าตามคันเร่ง กำลัง 610 แรงม้าที่อยู่ใต้ฝากระโปรง สามารถเรียกใช้ได้ทันทีไม่มีอาการรอรอบเครื่องแต่อย่างใด การเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนทำได้อย่างดีด้วยระบบ เลี้ยว 4 ล้อ (4WS) ทำให้การควบคุมพวงมาลัยได้อย่างเฉียบคม เบรคหยุดได้ตามสั่งด้วยระบบเบรก “Carbon Ceramic by Brembo” สิ่งที่ให้ความรู้สึกที่ดี คือ ระบบเกียร์มีความฉลาดมาก เมื่อคุณขับมาด้วยความเร็ว และมีการเบรคอย่างกระทันหันเกียร์จะทดลงเองอย่างอัตโนมัติ ช่วยทำให้ลดความเร็วได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้มาก
สรุปสำหรับ สุดยอดม้าลำพอง กับพละกำลังและการขับขี่ ที่โดดเด่น “GTC4Lusso T” ถือเป็นคำตอบสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการรถที่สามารถใช้งานได้บ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน เรียกว่าเป็นรถอเนกประสงค์ก็ว่าได้ สามารถนั่งได้ 4 คนจริง นั่งได้สบาย และด้วยการขับขี่ที่ง่ายแต่แฝงไปด้วยความแรงที่สามารถปล่อยมาได้ตลอดเวลาเมื่อต้องการใช้งาน
ราคา “Ferrari GTC4 Lusso T” (คาวาลลิโน มอเตอร์) ประมาณ 24.2 ล้านบาท
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น