หลังจากที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทน 1 ใน 3 ทีมจากประเทศไทยเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ในการเข้าร่วมแข่งขัน “F1 In Schools World Finals 2018” โดยทีม “เพอร์ซูท เรสซิง” ได้ใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมนานกว่า 8 เดือน เริ่มจากการวางแผนงบประมาณ,การวางแผนหาผู้สนับสนุน, การวิจัยทางวิศวกรรมเพื่อการสร้างรถขนาดเล็กที่วิ่งได้เร็วที่สุด, การวางแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดยมีการแบ่งงานสำหรับสมาชิกทีมทั้ง 6 คน แยกเป็นงาน 3 ด้านหลัก คือ 1. ฝ่ายออกแบบและผลิตรถ 2. ฝ่ายการตลาด และ 3. ฝ่ายการเงิน
ทีม “เพอร์ซูท เรสซิง” ได้ออกเดินทางจากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อม, ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน, ส่งมอบรายงานและรถแข่ง ร่วมประกอบบูธก่อนการแข่งขัน “F1 in Schools World Finals 2018” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 กันยายน 2561 ที่เกาะเซ็นโตซา ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในปีนี้มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 50 ทีม จาก 24 ประเทศ โดยในปีนี้ทีม “เพอร์ซูท เรสซิง” จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ ประกอบด้วยเยาวชนหลากความสามารถ ระหว่างอายุ 13-16 ปี จากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 6 คน เป็นสมาชิกเดิม 3 คน และสมาชิกใหม่ อีก 3 คน
สำหรับผลการแข่งขันของทีม “เพอร์ซูท เรสซิง” อยู่ในอันดับที่ 2 ในหมวดเวลารวมของการแข่งรถอยู่ในอันดับที่ 4 ในหมวดความเร็วของรถ และอยู่ในลำดับที่ 5 ในการเข้ารอบคัดเลือก เพื่อเข้ารอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย
ขณะที่คะแนนรวมทั้งหมดในทุกๆ ด้านของการแข่งขันในรายการนี้ เช่น วิศวกรรมการออกแบบการผลิตรถ การตลาดและประชาสัมพันธ์ บูธกิจกรรม ทีมอยู่ในลำดับที่ 6 และเป็นทีมที่มีคะแนนสูงสูงที่สุดของทีมจากเอเชีย ขณะที่ทีมที่ได้รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมคือ ทีม “ฮอไรซอน” จากประเทศออสเตรเลีย อันดับที่ 2 ถึงอันดับที่ 5 เป็นทีมจากประเทศไอร์เเลนด์ สหรัฐอเมริกา กรีซ และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ
นายพอ อู่อุดมยิ่ง ผู้จัดการทีม “เพอร์ซูทเรสซิง” ได้กล่าวถึงผลงานของทีมในปีแรกว่า ทีมทำงานภายใต้ข้อจำกัดและความกดดัน เนื่องจากขาดประสบการณ์และมีเวลาในการเตรียมตัวเพียง 3 เดือนซึ่งน้อยกว่าคู่แข่งขันทั้งหมดกว่าครึ่งหนึ่ง ทีมจึงไม่สามารถทำคะแนนรวมทุกรายการอยู่ในลำดับต้นๆ ได้ โดยในปีนี้ทีมมีความพร้อมมากกว่าเดิม และจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทีมได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเป็น 1 ใน 10 ทีมที่ทำคะแนนรวมได้ดีที่สุด
ในฐานะของเยาวชนไทยรู้สึกภูมิใจที่ประเทศไทยได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงในเวทีนี้ โดยในปีที่แล้วทีมสามารถคว้าชัยชนะมาได้ถึง 2 รางวัล คือ “Team Website Award” รางวัลเว็บไซต์ยอดเยี่ยม และ “Autodesk Pressure Challenge Award” ซึ่งเป็นการแข่งขันรอบพิเศษที่ผู้เข้าแข่งขันจะไม่ทราบโจทย์ล่วงหน้า และมีเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเพื่อนำเสนอแผนงาน โดยโจทย์ปีที่แล้ว คือการออกแบบและนำเสนอระบบความปลอดภัยสำหรับนักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน แต่ในปีนี้ไม่มีการแข่งขันรายการนี้
เนื่องจากการเข้าร่วมกิจกรรม จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าลงทะเบียน ค่าอุปกรณ์การผลิตรถค่าพาหนะเดินทาง ค่าที่พัก และอื่นๆ โดยกิจกรรมให้อิสระทีมในการระดมทุนในรูปแบบต่างๆ การหาทุนของทีม มุ่งเน้นไปยังบริษัทที่สนับสนุนเยาวชนไทยในเรื่องของการศึกษา ในปีนี้ทีมมีบริษัทที่ให้การสนับสนุนทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 12 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยบริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัทอินไซท เทลโค จำกัด พีระเซอร์กิต บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โรงเรียน CTC ในประเทศอังกฤษ บริษัทออโต้เดสก์ บริษัท ไทยสตาร์ชิปปิ้ง จำกัด บริษัท ซีพีเมจิ จำกัด และสมาคมผู้ปกครองเเละครูโรงเรียนอำนวยศิลป์ เเละโรงเรียนอำนวยศิลป์
นายเอกพัชร์ ธรรมมงคล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด “เพอร์ซูท เรสซิง” ได้กล่าวเสริมว่า ทีมต้องขอขอบพระคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้เข้าร่วมการแข่งขัน และทำให้ประเทศไทยได้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลก ทีมได้รับเกียรติจากผู้บริหารบริษัทต่างๆ ที่กรุณาให้เข้าพบเพื่อนำเสนอแผนงาน และเมื่อทางบริษัทตกลงสนับสนุนกิจกรรมนี้ ทีมยังได้รับคำปรึกษาที่มีประโยชน์มากมายสำหรับกับการแข่งขัน การเรียนในระดับมหาวิทยาลัย และการทำงานในอนาคต
นอกจากนี้ ต้องขอบพระคุณผู้ปกครองทุกท่านที่เสียสละเวลาให้คำแนะนำเเละช่วยเหลือทีมในเวลาที่ทีมไม่เข้าใจงาน หรือว่าติดขัดในชิ้นงานนั้นๆ ซึ่งการช่วยเหลือเเละการสนับสนุนของผู้ปกครอง ทำให้ทีมได้รับทั้งทักษะ ความรู้ เเละประสบการณ์ทำงานจากมืออาชีพที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้
ทั้งนี้ ทีมใช้เวลาหลังเลิกเรียนและวันหยุดในการทำงานร่วมกันผ่านทางออนไลน์และการนัดประชุม เนื่องจากวัตถุประสงค์ของกิจกรรมนี้คือ การเรียนรู้จากการทำงานจริง ทีมได้ขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องนั้นๆ
ในส่วนที่ทีมมีข้อสงสัย ทีมได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ในภาควิศวกรรมทีมได้รับความกรุณาจาก คุณโชคชัยเเละ คุณฉัตรชัย วิศวกรจากนกแอร์ ส่วนการตลาด ทีมได้รับคำแนะนำจากคุณพัชรีเเละคุณกิตติมา บริษัท แบรนด์นาวเอเชีย จำกัด ทีมขอขอบคุณบริษัท ครินบอร์น คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการประชาสัมพันธ์ ที่ช่วยกรุณาส่งข่าวประชาสัมพันธ์ทีม รวมถึงคุณพันธจักร ว่องปรีชา ที่ให้คำแนะนำในการติดต่อภาครัฐ และคุณฟิลลิป มาสซูด นักแข่งรถมืออาชีพ ที่ให้คำเเนะนำเเละเเรงบันดาลใจเกี่ยวกับการเเข่งขัน
นอกจากนี้ ทีมได้รับคำปรึกษาจากคณะครูผู้สอนที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ ซึ่งให้การสนับสนุนในเรื่องของการลงทุนจัดหาใช้อุปกรณ์ต่างๆที่ จำเป็นในเรื่องของการผลิต และการอนุญาตให้ทำงานนอกเวลาที่โรงเรียน รวมถึงความอนุเคราะห์จากคุณบ็อบบี้ ออร์ทิซ ในการผลิตรถ
นายศิวกร ชินพงศ์สุวรรณ ฝ่ายวิศวกรรมและนักออกเเบบกราฟิก ทีมเพอร์ซูท เรสซิง ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันในครั้งนี้ว่า การได้ที่ 6 จาก 50 ทีม ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะว่ามีความตั้งใจที่จะทำทุกองค์ประกอบของการเเข่งขันออกมาดีที่สุด พวกเราทุกคนภูมิใจในผลงานของตัวเองเเละของทีมเป็นอย่างมาก การเเข่งขัน F1 in Schools นี้ ทำให้เราได้ศึกษาค้นคว้าพร้อมทั้งเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในประเทศไทย จะสนใจการเเข่งขันนี้เป็นอย่างมาก เเละเชื่อว่าวันหนึ่งประเทศไทยจะเป็นผู้ชนะเลิศได้
F1 in SchoolsTM ถือเป็นโปรแกรมการแข่งขันที่ท้าทายความรู้ ความสามารถ อีกทั้งแนวคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ซึ่งจำลองมาจากต้นแบบการแข่งขันรถระดับโลกฟอร์มูล่าวัน โดยทีมผู้เข้าแข่งขันต้องผนวกความรู้ทางวิชาการด้าน STEM ทั้ง 4 สาขาวิชา ซึ่งประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ในการออกแบบและประดิษฐ์รถแข่งขนาดเล็กที่ถูกขับเคลื่อนโดยเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อประลองความเร็วบนรางที่มีความยาว 20 เมตร ผสานกับการจัดการ การตลาด และการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
นายเดวิด เอคเคิล ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมของทีม และในฐานะครูประจำวิชาออกแบบที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า โรงเรียนอำนวยศิลป์เชื่อมั่นว่า การได้ลงมือทำเป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุด โรงเรียนจึงสนับสนุนการเรียนโดยการเสริมสร้างให้นักเรียนใช้ความคิด การสร้างการทำงานเป็นทีม และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การศึกษาด้าน STEM ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ และการแข่งขัน F1 in SchoolsTM เป็นบททดสอบที่สุดท้าทาย เพราะแต่ละทีม ไม่เพียงแต่จะต้องออกแบบ และผลิตรถแข่งขนาดเล็กที่วิ่งเร็วที่สุด แต่ยังต้องทำงานเหมือนทีมฟอร์มูล่าวัน ในสนามใหญ่ โดยการหาทุนสนับสนุน
LINE
ความคิดเห็น