ไทรอัมพ์ เปิดตัว Scrambler 1200 XC และ Scrambler 1200 XE สองคู่หูสายลุยรุ่นล่าสุดสัญชาติอังกฤษสายเลือดไทยแท้ โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ชนิดแรงบิดสูงขนาด 1,200 ซีซี 2 สูบเรียง ผสานกับเทคโนโลยีการขับขี่อันทันสมัยบนการออกแบบสุดคลาสสิก
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ ““สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) และ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE) รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสายลุยสไตล์ Dual Purpose ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงแรงบิดสูง ขนาด 1,200 ซีซี ผสมผสานสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์น พร้อมด้วยคุณลักษณะเฉพาะและเทคโนโลยีชั้นนำ รวมถึงรูปลักษณ์ซึ่งหลอมรวมเข้ากับ DNA ของสแครมเบลอร์ของไทรอัมพ์ที่โดดเด่น ตลอดจนความสามารถของรถสไตล์แอดเวนเจอร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างแท้จริง ซึ่งทั้ง 2 รุ่น เป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบควบคุมกล้อง GoPro และระบบนำทางแบบ Turn-by–turn ถือเป็นครั้งแรกของรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกยุคใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น และนี่คือนิยามของรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสายลุยตัวจริงแห่งการขับขี่ โดยพร้อมให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด รวมถึงจับจองเป็นเจ้าของภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ณ บูธไทรอัมพ์ G07 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 – วันที่ 10 ธันวาคม 2561
จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) เผยว่า ไทรอัมพ์มีความภูมิใจที่จะนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกยุคใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น ได้แก่ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) และ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE) รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสไตล์แอดเวนเจอร์ที่สามารถใช้งานแบบ Dual Purpose ได้รับการพัฒนามาจากรถสแครมเบลอร์ดั้งเดิมในช่วงต้นปี ค.ศ. 1960 โดยได้ออกแบบใหม่เป็นรถสไตล์คัสตอม และได้รับการตกแต่งใหม่แบบโมเดิร์นคลาสสิก เพื่อให้มีความทันสมัยเข้ากับศตวรรษที่ 21 แต่ยังคงไว้ซึ่งความงามดั้งเดิมอันไร้ขีดจำกัดของเวลา เรียกได้ว่าทั้งรายละเอียดและการตกแต่งถือเป็นรถที่ดีที่สุดในทุกมิติ และนี่คือนิยามของรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสายลุยตัวจริงแห่งการขับขี่ที่ไม่ควรพลาด
จักรพงษ์ กล่าวต่อว่าสำหรับ สำหรับ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสำหรับการขับขี่บนทุกสภาพถนน และการขับขี่แบบออฟโรด (Off- Road) ส่วน “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE) สามารถขับขี่บนถนนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันน่าตื่นเต้นที่มากกว่าเดิม โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงแรงบิดสูงขนานขนาด 1,200 ซีซี รุ่นล่าสุด โดยให้พละกำลังสูงสุด 90 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 110 นิวตันเมตร ที่ 3,950 รอบต่อนาที พร้อมมอบเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบสแครมเบลอร์ที่นุ่มลึกด้วยท่อไอเสียคู่คุณภาพสูง ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับสแครมเบลอร์โดยเฉพาะ
ด้านเทคโนโลยี มาพร้อมหน้าจอ TFT รุ่นใหม่ล่าสุด โดยในรุ่น “Scrambler 1200 XC” มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 แบบ ได้แก่ ถนน (Road) ฝนตก (Rain) ออฟโรด (Off-Road) สปอร์ต (Sport) และการขับขี่ที่กำหนดตามลักษณะของผู้ขับขี่ (Rider) และเพิ่มเติมโหมด Off-Road pro ในรุ่น “Scrambler 1200 XE” เพื่อการขับขี่แบบผจญภัยที่เหนือชั้นยิ่งกว่า
นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังอัดแน่นเทคโนโลยีความปลอดภัยในการขับขี่เป็นพื้นฐานของตัวรถทั้งสองรุ่นมาอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น
- ระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก
- ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control)
- ระบบไฟ LED และไฟหน้า DRL ที่เป็นเอกลักษณ์
- ปุ่มสวิตช์ไฟซ้าย-ขวาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมจอยสติ๊กควบคุม 5 ทิศทาง
- คลัตช์ช่วยผ่อนแรง (Torque-assist clutch)
- ระบบสตาร์ทไร้กุญแจ (Keyless ignition)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ใต้เบาะที่นั่ง
- ระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser) และอุปกรณ์เสริมระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS – Tyre Pressure Monitoring System) เป็นต้น
ส่วนในรุ่น “Scrambler 1200 XE” จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเอียงของรถ (IMU – Inertial Measurement Unit) ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบ Optimised Cornering ABS ป้องกันล้อล็อกจากการเบรคอย่างรุนแรงในระหว่างเข้าโค้ง, ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนนในการเข้าโค้ง (Optimised Cornering Traction Control) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถรุ่นนี้ ซึ่งพัฒนาขึ้นด้วยความร่วมมือกับ Continental ช่วยให้การทำงานของระบบ ABS ในขณะเข้าโค้ง และการควบคุมการยึดเกาะถนนเป็นไปอย่างเหมาะสม และมีอัตราเร่งที่สอดคล้องกับคุณสมบัติความปลอดภัยที่เหมาะสม
นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับสวิงอาร์มที่ทำจากอะลูมิเนียมสำหรับการเดินทางไกล มาพร้อมระบบเบรกสุดพรีเมี่ยมจาก Brembo รุ่น M50 โช๊คอัพหน้าจาก Showa ส่วนด้านหลังเป็นโช๊คอัพสปริงคู่พร้อมซัพแท้งค์จาก Ohlins รวมถึงชุดควบคุมที่พักเท้าแบบพับได้ และปรับได้ในรุ่น XE พร้อมยางคุณภาพเยี่ยม ทั้งยางชนิดไม่มียางใน (Tubeless tyre) โดยมาพร้อมกันกับล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ที่เหมาะสำหรับการขับขี่ที่มุ่งเน้นการผจญภัย และที่ไทรอัมพ์ภูมิใจนำเสนอคือรถมอเตอร์ไซค์“สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” และ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบควบคุมกล้อง GoPro และระบบนำทางแบบ turn-by–turn (ระบบแจ้งเตือนแบบเลี้ยวต่อเลี้ยว) รวมถึงการโทรศัพท์ คุยสายสนทนา และการควบคุมการเล่นเพลง ซึ่งสามารถใช้งานได้ร่วมกับชุดอุปกรณ์บลูทูธเสริม
Triumph Scrambler XC
ด้านรูปลักษณ์รถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นสไตล์คัสตอมตกแต่งโมเดิร์นในแบบของสแครมเบลอร์ โดยมีรายละเอียดและการตกแต่งที่เป็นสุดยอดของรุ่น เป็นการวางต้นแบบให้เห็นว่ารถสแครมเบลอร์ในศตวรรษที่ 21 ควรจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร และเมื่อหลอมรวมกับ DNA การออกแบบของสแครมเบลอร์ดั้งเดิม ทั้งความงดงามแบบไร้ขีดจำกัดของเวลา ทำให้รถรุ่น XC และ XE มีรายละเอียดของ สแครมเบลอร์ ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ อาทิ ถังน้ำมันแบบสแครมเบลอร์เส้นสายคมชัดอย่างแนบเนียนที่ออกแบบมาใหม่ และถังแบบ cut–Away ในแบบของสแครมเบลอร์สุดคลาสสิก ล้อซี่ลวดแบบยึดด้านข้างที่มีความสวยงามในเชิงวิศวกรรม ฝาถังสไตล์ Monza ทำจากอะลูมิเนียมแบบขัดเงา สายรัดสแตนเลสแบบขัดเงา รวมถึงเบาะนั่งสุดคลาสสิก และเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดรถมอเตอร์ไซค์ในรุ่นScrambler 1200 XE ยังมีรายละเอียดที่พรีเมี่ยมมากกว่าเดิม รวมไปถึงการเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่มีตราสัญลักษณ์สามเหลี่ยมอันโดดเด่นของไทรอัมพ์อยู่บนตัวถังน้ำมัน ซึ่งยังรวมไปถึง แฮนด์การ์ดพร้อมสายรัดทำจากอะลูมิเนียม ก้านเบรก Brembo MCS แฮนด์บาร์สีเงิน risers และ clamp สีดำ และโช้คสีทอง เป็นต้น
Triumph Scrambler XE
ทั้งนี้รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” และ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้ตรงใจ จึงมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกสรรกว่า 80 รายการ ที่ช่วยส่งต่อการขับขี่โดยเน้นแบบออฟโรด พร้อมบ่งบอกสไตล์ที่มากขึ้น และประโยชน์ในการใช้งานได้มากกว่าเดิมในทุกวัน รวมทั้งชุดตกแต่งสร้างแรงบันดาลใจใหม่ 2 ชุด เพื่อแสดงให้เห็นบุคลิกทั้ง 2 แบบของรถรุ่นใหม่นี้ เหมาะสำหรับใช้เป็นจุดเริ่มต้นให้แก่นักบิดที่อยากจะออกแบบ Scrambler 1200 ในสไตล์ของตัวเอง หรืออยากจะติดตั้งทั้งเซ็ต อันประกอบไปด้วยชุด Escape kit เหมาะสำหรับการบรรทุกสิ่งของแบบเต็มพิกัด และชุด Extreme kit ซึ่งเน้นการเดินทางแบบออฟโรดมากยิ่งขึ้น ตลอดจนคอลเลกชันเสื้อผ้าของสแครมเบลอร์เพื่อความลงตัวในการขับขี่ขั้นสมบูรณ์แบบ อาทิ เสื้อยืดแขนสั้น แว่นกันลมลายตารางหมากรุก เสื้อผ้าสำหรับการขับขี่ ชุดลำลองสำหรับหญิงและชาย จักรพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
“สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) มาพร้อมกับ 2 สี ได้แก่ สี Jet Black / Matt Black และสี Khaki Green / Brooklands Green ส่วน “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE) มีให้เลือก 2 สีสุดพรีเมี่ยมเช่นกัน ได้แก่ Fusion White / Brooklands Green และสี Cobalt Blue / Jet Black โดยมีกำหนดเผยโฉมและเปิดให้จับจองอย่างเป็นทางการ ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ณ บูธไทรอัมพ์ G07 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 – วันที่ 10 ธันวาคม 2561
สำหรับราคาวางจำหน่าย Triumph Scrambler 1200 XC และ XE อยู่ที่ 613,000 บาท และ 656,000 บาท ตามลำดับ โดยจะทำการส่งมอบรถรุ่น Scrambler 1200 XE ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และ Scrambler 1200 XC ในเดือนมีนาคม 2562
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น