“กรมการขนส่งทางบก” ผนึกกำลัง “การกีฬาแห่งประเทศไทย” ร่วมมือผลักดัน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 เป็นวาระสำคัญไทย ปล่อยแคมเปญใหญ่รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย พร้อมจัดรถโดยสารรองรับ
จากความร่วมมือของทั้งภาครัฐ และเอกชน ส่งผลให้ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นศึก โมโตจีพี ครั้งแรกในประเทศไทย ถูกยกให้เป็น “เบสต์ กรังด์ปรีซ์ ออฟ เดอะ เยียร์” พร้อมจำนวนผู้ชมมากที่สุดจากทั้งสิ้น 19 สนาม ขณะเดียวกันยังสร้างเม็ดเงินมหาศาล ตลอด 3 วันของการแข่งขัน
ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวพิธีลงนาม ความร่วมมือและการสนับสนุน การแข่งขัน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ 2019 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการใช้ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก สะท้อนสู่นโยบายการขับขี่ปลอดภัยเพื่อรณรงค์ให้เป็นวาระสำคัญของประเทศไทย
ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐด้วยกัน เพราะการจัดโมโตจีพีนั้น ไม่ใช่ทางด้านกีฬาที่ได้รับผลประโยชน์อย่างเดียว แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นผลดีแก่ประเทศไทยในด้านต่างๆด้วย ทั้งเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตรงตามยุทธศาสตร์ “สปอร์ตทัวริซึ่ม” ของรัฐบาล เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่องค์กรภาครัฐทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ของ ประเทศไทย เพราะผลประโยชน์ที่กลับมาสู่ประเทศไทยนั้นมากมายจริงๆ
“การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกในประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้ชมเดินทางมาจากทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เดินทางโดยโครงข่ายทางบก ฉะนั้นกรมการขนส่งทางบกจึงเป็นหน่วยงานสำคัญมาก ที่ให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยของเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีโครงการความร่วมมือระหว่างกันในการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัย ซึ่งทาง กกท. ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ทางขนส่งทางบกเห็นความสำคัญ และให้ความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้”
พีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “เราได้บูรณาการ เส้นทางการเดินทางทางบกให้มีความพร้อมมากที่สุดทั้งเส้นทางหลักของกรมทางหลวงที่จะขยายเส้นทาง เช่น สายบุรีรัมย์-นางรอง บูรณะผิวทางเดิม ซึ่งเดิมทีเป็นเส้นทางรองให้พร้อมรองรับการเดินทางของแฟนมอเตอร์สปอร์ตจำนวนมาก ปรับปรุงบริเวณคอขวดไหล่ทาง มีการติดตั้งป้ายบอกทางเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัด ภายในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังได้เตรียมแผนการรองรับการแข่งขัน สำหรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตที่เดินทางระหว่างจังหวัด ด้วยการเพิ่มเที่ยวรถในช่วงการจัดงาน ในส่วนของ บขส. เส้นทาง กทม. สู่บุรีรัมย์ วันละไม่ต่ำกว่า 60 เที่ยว ต่อวัน เส้นทางนครราชสีมา – บุรีรัมย์ ไม่ต่ำกว่า 120 เที่ยวต่อวัน รถโดยสารประจำทางไม่ต่ำกว่า 10 เส้นทาง
ส่วนการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนที่จะเข้ามาชมการแข่งขันฯ ในจังหวัดบุรีรัมย์ มีการเตรียมรถ Shuttle Bus 4 เส้นทาง ได้แก่ ท่าอากาศยานบุรีรมย์ - สนามช้างอารีน่า , สถานีรถไฟบุรีรัมย์ – สนามช้างอารีน่า , สถานีขนส่งบุรีรัมย์ – สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และ อบจ.บุรีรัมย์ - สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และมีรถลูป 3 เส้นทาง ได้แก่ วงเวียน รัชกาลที่ 1 - สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต , เรือนจำ - แยกภัทร และ แยกภัทร - แยกกระสัง ซึ่งเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายและระบายคนทั้งขาเข้าขาออกจากสนามได้เป็นอย่างดี”
นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยสำหรับงานโมโตจีพีในปีนี้ว่า “ปีที่ผ่านมามีผู้ชมจากทั่วโลกเดินทางมาชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ใช้รถมอเตอร์ไซด์ โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ เรานำกระเเสดังกล่าวมารณรงค์เพื่อให้เยาวชนเเละคนไทยทุกคน เล็งเห็นความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนักแข่งระดับโลกเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งทุกคนจะต้องสวมหมวกกันน็อค และมีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายของตัวเองทุกครั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะไม่เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมปลูกฝังให้คนไทยทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน”
ในปีนี้กรมขนส่งทางบก ยังคงมีโครงการความร่วมมือส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน รณรงค์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ปลอดภัยผ่านแข่งขันรายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 อีกครั้ง กับแคมเปญ ”ความเร็วใช้ในสนามแข่งเท่านั้น” โดยมีภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ ที่เปิดตัวครั้งแรกในวันนี้ และบูธกิจกรรมในวันงานที่ใหญ่ขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาและอัดแน่นกิจกรรมให้ความรู้ เพื่อเน้นย้ำกับกลุ่มเป้าหมายให้ใช้ความเร็วให้ถูกสถานที่ มีเกมส์การขับขี่แบบใช้ความเร็วในสนามแข่งและถนนจำลองเพื่อการขับขี่อย่างถูกกฎหมายบนท้องถนนอีกด้วย
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า คาดว่าปีนี้จะมีผู้ชมเพิ่มมากกว่าเดิมมาก เนื่องจากปีที่แล้วเราได้รางวัล Best Grand Prix of the year ส่วนในปีนี้ทางสนามยังคงมีแผนในการทำรถรับ-ส่ง เส้นทางภายในสนาม 3 สาย โดยชัตเติ้ลแต๋น ซึ่งปีนี้จะเพิ่มรถบรรทุก 6 ล้อไปด้วยรวมเป็นหลายร้อยคัน เพื่อให้จำนวนเพียงพอกับความต้องการ มีจุดขึ้น-ลงรถให้บริการทั้ง 2 ประตูทางเข้าหลัก สู่ลานกิจกรรม และแสตนด์จุดต่างๆอย่างทั่วถึง
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น