บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถกระบะรุ่นแรกของเอ็มจี “NEW MG EXTENDER กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” อย่างเป็นทางการสู่ตลาดเมืองไทย โดดเด่นทั้งในด้านรูปลักษณ์และมิติตัวถังขนาดใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครัน และระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย โดยมีทั้งหมด 9 รุ่นย่อย
สำหรับ NEW MG EXTENDER มี 9 รุ่นย่อยครอบคลุมทั้งแบบกระบะตอนครึ่ง (Giant Cab) และแบบ 4 ประตู (Double Cab) ระบบส่งกำลังแบบธรรมดาและแบบอัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ (2WD) และแบบ 4 ล้อ (4WD) ให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งาน
NEW MG EXTENDER แตกต่างด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี พร้อมมิติตัวถังขนาดใหญ่โดยมีทั้งแบบกระบะตอนครึ่ง (Giant Cab) ที่มีความยาวกระบะท้ายถึง 1,900 มิลลิเมตร ซึ่งยาวที่สุดในรถระดับเดียวกันจึงช่วยเพิ่มปริมาณการบรรทุกได้มากยิ่งขึ้น และแบบ 4 ประตู (Double Cab) พร้อมช่วงล่างแบบ EUROPEAN TUNING SUSPENSION ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น (Leaf Spring Suspension) ทำงานควบคู่กับช่วงล่างแบบ BRIT Dynamic ซึ่งให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ในความเร็วต่ำ และให้ความมั่นคงในการขับขี่ที่ความเร็วสูง เพิ่มความปลอดภัยและมั่นใจในการใช้งาน ในขณะที่ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ (Projector) พร้อม Daytime Running Lights บันไดข้าง และกล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์ขณะถอย ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่ในรุ่น Giant Cab แบบยกสูง
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย และเก็บเสียงดีเยี่ยมด้วยการออกแบบฉนวนกันเสียง 9 จุด การออกแบบภายในสร้างความรู้สึกแข็งแกร่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกโดยใช้โทนสีเข้มและเพิ่มความเรียบหรูด้วยวัสดุ ให้สัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) พร้อมแผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต นอกจากนี้ ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว กุญแจระบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โดยในรุ่น Double Cab ยังมาพร้อมเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า เบาะหลังพับได้ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
NEW MG EXTENDER ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น 2.0 ลิตร เทอร์โบ แปรผัน ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ และแบบธรรมดา 6 จังหวะ ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน โดยในรุ่น Double Cab จะมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L
ระบบความปลอดภัย NEW MG EXTENDER มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-high Strength Body ด้วยโครงสร้างที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel ในบริเวณเสา A ไปจนถึงเสา B และโครงสร้างโดยรวมใช้เหล็กแบบ High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูง ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเสริมความมั่นคงในการขับขี่ พร้อมรับทุกสภาพการใช้งาน และปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย
-
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System)
- ระบบช่วยเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ รวมถึงกล้องมองภาพ รอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลังและด้านหน้า และกล้องมองหลังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
NEW MG EXTENDER มีให้เลือกทั้งแบบกระบะตอนครึ่ง (Giant Cab) และแบบ 4 ประตู (Double Cab) ซึ่งมีทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ (2WD) และแบบ 4 ล้อ (4WD) ครอบคลุมทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม 5 สีให้เลือก คือ สีขาว Artic WHITE สีดำ BLACK Knight สีเงิน SILVER Metallic สีแดง Scarlet RED และ สีเทา Metal Ash GREY โดยมีทั้งหมด 9 รุ่นย่อยดังนี้
GIANT CAB (กระบะตอนครึ่ง)
- GC 2.0 D 6MT 619,000
- GC 2.0 C 6MT 549,000
GIANT CAB GRAND (กระบะตอนครึ่ง)
- GC 2.0 GRAND X 6MT 729,000
- GC 2.0 GRAND D 6AT 719,000
- GC 2.0 GRAND D 6MT 659,000
DOUBLE CAB GRAND (4 ประตู)
- DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT 1,029,000
- DC 2.0 GRAND X 6AT 879,000
- DC 2.0 GRAND D 6AT 819,000
- DC 2.0 GRAND D 6MT 759,000
สำหรับ NEW MG EXTENDER ภายในงานได้จัดกิจกรรมทดสอบสั้นๆเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพ เริ่มจากภายในห้องโดยสาร มีความกว้างขวางนั่งสบายวัสดุโดยรวมดูดี หน้าจอแสดงผลสวย แต่บางจุดดูไม่สมราคา การขับขี่แบ่งเป็น 2 สถานี เริ่มจาก ออฟโรด เนินสลับ ทดสอบระบบการทำงานของขับสี่ ถือว่าทำงานได้ดี เนินสูง กำลังเครื่องยนต์เพียงพอสำหรับอุปสรรคต่างๆ เรียกได้ว่าผ่านได้อย่างง่ายดาย สถานีออนโรด อัตราเร่ง ออกตัวช่วงต้นมีอาการหน่วงของคันเร่งแต่ถ้าผ่าน 2,500 รอบรถจะให้อัตเร่งที่ดี ทดสอบการเบรก ด้วยดิสเบรกสี่ล้อทำให้ระยะเบรกสั้นมาก ช่วงล่างถูกออกแบบให้มีความนุ่มเน้นการใช้งานในเมือง
สรุปโดยรวม MG EXTENDER กระบะคันเเรก กับตลาดที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น จะทำยอดขายได้ดี หรือไม่ก็คงต้องให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสิน เพราะโดยรวมตัวรถสามารถแข่งกับรถในตลาดได้แต่ยังไม่เด่นอะไรมากนักเน้นชูจุดเด่นทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งในตลาดรถกระบะอาจจะเน้นด้านราคาและความคงทนมากกว่า ดังนั้นก็ต้องดูกันยาว
ความคิดเห็น