ผู้ใช้รถหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า “เคลมแห้ง” กันบ่อยครัง แต่คำๆ นี้มันคืออะไร เคลมยังไง ต่างจากเคลมปกติอย่างไร เรามาหาคำตอบกัน
ในปัจจุบัน เราทุกคนล้วนใช้รถใช้ถนนกันในชีวิตประจำวัน และทุกๆ ครั้งที่เราขับรถ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น แน่นอนว่าอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ในกรณีที่มันเกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจึงทำ “ประกันภัย” เพื่อช่วยคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถของเราจากอุบัติเหตุ
เมื่อเรามีประกันภัย สิ่งต่อมาที่ต้องรู้จักก็คือ “การเคลม” หรือการเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัย ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยการเคลมประกันมีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ เคลมสด และ เคลมแห้ง ซึ่งการเคลมทั้ง 2 แบบ มีความแตกต่างกัน ดังนี้
เคลมสด คือ การเคลมประกันทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือการเคลมประกันโดยที่ผู้เกี่ยวข้องยังอยู่ในเหตุการณ์ โดยเรียกเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันมาตรวจสอบทีเกิดเหตุ เพื่อบันทึกหลักฐาน และออกเอกสารให้เราไปดำเนินการซ่อมแซมต่อไป
เคลมแห้ง คือ การเคลมประกันภายหลังเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว อาจมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ได้ โดยไม่มีพนักงานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เช่น กรณีเราขับรถไปชนเสาไฟฟ้า แต่เราไม่อยากรอเจ้าหน้าที่ประกัน เราก็สามารถบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อทำเรื่องเคลมค่าเสียหายภายหลังได้ ซึ่งการเคลมแห้งนั้น เราอาจจะต้องเสียค่า Excess ในการเคลมแห้งตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ซึ่งอาจจะเป็นรายจุดหรือรายครั้ง ตามแต่กรมธรรม์กำหนด
จากข้อแตกต่างสั้นๆ ด้านบน ผู้อ่านคงพอจะนึกภาพออกแล้วว่า เคลมสดกับเคลมแห้งแตกต่างกันอย่างไร และในเหตุการณ์ไหนที่เราควรจะเลือกใช้การเคลมแบบใด ทีนี้เรามาดูขั้นตอนของการเคลมแห้งกันบ้าง
หลังจากเกิดอุบัติเหตุขึ้น และเราอยู่ในกรณีที่จะใช้การเคลมแห้ง ให้เราเตรียมข้อมูลการเกิดเหตุของเราให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นภาพความเสียหาย สาเหตุเกิดจากอะไร วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ ทะเบียนรถ ใบขับขี่ รวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังไม่หมดอายุ โดยเราสามารถโทรศัพท์แจ้งความประสงค์ในการเคลมกับทางบริษัทประกันและรอรับใบเคลมเพื่อนำไปติดต่อกับอู่ซ่อม หรือสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางออนไลน์และรับใบเคลมก็ได้เช่นกัน
เมื่อเราได้รับใบเคลมแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการติดต่อนำรถเข้าซ่อม การนำรถเข้าซ่อมนั้น เราสามารถนำรถประกันพร้อมใบเคลม เข้าไปที่อู่ที่เราเลือกไว้กับทางบริษัทประกันได้เลย โดยเอกสารที่ต้องเตรียมไปก็จะมี กรมธรรม์รถยนต์ สำเนาทะเบียนรถ และสำเนาใบขับขี่ ทางอู่ก็จะแจกแจงคิวซ่อมและวางบิลกับบริษัทประกันต่อไป
ทั้งนี้ผู้เคลมประกันควรตรวจเช็คให้ดีว่าประกันที่ตนเองทำนั้นมีอู่ไหนในเครือบ้าง และมีค่า excess ที่เราต้องจ่ายหรือไม่ และเท่าไหร่ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
มาถึงคำถามยอดฮิต “น้ำท่วม เคลมประกันได้ไหม?” ซึ่งกรณีน้ำท่วมนั้น ไม่สามารถตอบ “ได้” หรือ “ไม่ได้” ทั้งหมด ต้องดูเป็นกรณีๆ ไป
การเคลมประกันกรณีน้ำท่วมนั้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่กรมธรรม์ประกันภัยของเราครอบคลุม “ความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ” หรือไม่ แต่ คำว่า “ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ” นั้น ไม่ได้ครอบคลุม “ทุกอย่าง” ที่เกิดจากธรรมชาติ บางครั้งน้ำท่วมเกิดจากธรรมชาติ แต่ที่รถเราไปท่วมเนี่ย มันเกิดจากตัวเราเอง ซึ่งกรณีเหล่านี้ ประกันจะไม่คุ้มครอง ตัวอย่างเช่น ทางข้างหน้าเราน้ำท่วมหนัก เห็นอยู่แล้วว่าถ้าขับไป ไม่รอดแน่ แต่ก็ดันทุรังจะขับไป หรือเมื่อรัฐบาลประกาศว่า ถนนเส้นนี้มีเสี่ยงภัยน้ำท่วม ประชาชนควรหลีกเลี่ยง แต่เราก็ยังขับไป กรณีเหล่านี้ บริษัทประกันภัยจะถือว่าเป็นความประมาทของผู้ขับขี่เอง และจะไม่คุ้มครองความเสียหายใดๆ
และอีกหนึ่งกรณีก็คือ การเกิดเหตุนอกเขตความคุ้มครอง เช่น เราขับรถออกนอกเขตแดนประเทศไทย ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเกิดภัยน้ำท่วมหนักจนรถของเราเสียหาย กรณีนี้ บริษัทประกันภัยก็จะไม่ให้การคุ้มครองเช่นกัน
สรุปง่ายๆ สำหรับกรณีน้ำท่วมรถ ก็คือ “น้ำท่วม เคลมได้ แต่ต้องไม่ใช่จากความประมาทของผู้ใช้รถ, กรมธรรม์ครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ และต้องอยู่ในเขตความคุ้มครองนั่นเอง”
ข้อแนะนำ
สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อประกันภัยรถยนต์ ผู้คนส่วนมากมักจะพิจารณาที่ค่าเบี้ยประกันรายปี เอาราคาถูกเป็นหลัก แต่มักจะลืมพิจารณาสิ่งที่สำคัญในการทำประกันนั่นคือ วงเงินในการซ่อม เนื่องจากวงเงินนี้เป็นวงเงินที่ผู้เอาประกันจะได้รับในการซ่อมแซมจากอุบัติเหตุแต่ละครั้ง ซึ่งตามปกติแล้ว วงเงินจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับเบี้ยประกันที่เราจ่าย หากเบี้ยประกันราคาถูก วงเงินก็จะต่ำตามไปด้วย และในกรณีที่เราประสบอุบัติเหตุหนักมา วงเงินนี้อาจจะไม่ครอบคลุมค่าซ่อมทั้งหมด ซึ่งนั่นคือเราก็ต้องควักเนื้อจ่ายส่วนต่างที่เหลือ ซึ่งไม่ดีเอาเสียเลย
เพราะฉะนั้นแล้วเวลาที่เราจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์แต่ละครั้ง อย่าลืมดู “วงเงิน” ในการซ่อมด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหนักมา
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น